สิงห์ลุยต่อคอนโดหรู
วันที่ : 27 กุมภาพันธ์ 2562
สิงห์ เอสเตท ยันมาตรการแบงก์ชาติกระทบน้อยตลาดที่อยู่อาศัยลักซ์ชัวรี่ ลุยเปิดคอนโดหรูแบรนด์ใหม่มูลค่า 4,000 ล้าน
สิงห์ เอสเตท ยันมาตรการแบงก์ชาติกระทบน้อยตลาดที่อยู่อาศัยลักซ์ชัวรี่ ลุยเปิดคอนโดหรูแบรนด์ใหม่มูลค่า 4,000 ล้าน
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท เปิดเผยถึงภาพรวมที่อยู่อาศัยตลาดลักซ์ชัวรี่ในปี 2562 ว่าดีมานด์ยังมีอยู่ แม้ว่ามาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีผลบังคับใช้นั้นไม่มีผลต่อลูกค้ากลุ่มดังกล่าวแต่อย่างใด อาจจะมีผลด้านจิตวิทยาเล็กน้อย แต่เชื่อว่าหลังการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว สถานการณ์ต่างๆ จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่อย่างน้อย 1 โครงการ บริเวณซอยรางน้ำ ตรงข้ามคิง เพาเวอร์ บนพื้นที่เกือบ 2 ไร่ สูง 35 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 2 แสนบาท/ตารางเมตร จำนวน 415 ยูนิต มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเปิดตัวภายใต้แบรนด์ใหม่ คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งจะมีชาวต่างชาติสนใจซื้อเต็มโควตา 49%
ขณะที่ความคืบหน้าโครงการ ดิ เอส อโศก ขณะนี้มียอดขายแล้ว 90% โดยลูกค้าสัดส่วน 60% เป็นคนไทย และสัดส่วน 40% เป็นชาวต่างชาติ ได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยเฉพาะสิงคโปร์มีนักลงทุนซื้อยกฟลอร์เพื่อนำไปขายต่อรายละประมาณ 20 ยูนิต โดยห้องชุดที่เหลือขายอีกประมาณ 40 กว่ายูนิต คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปีนี้ ปัจจุบันปรับราคาขายเฉลี่ยขึ้นมาที่ 2.4 แสนบาท/ตารางเมตร
ด้านโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ขณะนี้มียอดขายแล้ว 3 ยูนิต มูลค่า 1,000 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ในระหว่างเจรจาเรื่องแบบบ้านกับลูกค้าอีก 6 ราย มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียม ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 93% มีสินค้าเหลือขาย 500 ล้านบาท และโครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70%
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนในมือมูลค่ารวมประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ถึงปี 2563 โดยในปี 2562 จะรับรู้ประมาณ 9,000 ล้านบาท จาก 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ ดิ เอส อโศก มูลค่า 3,000 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ ประมาณ 4,900 ล้านบาท และจากโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส 1,000 ล้านบาท โดยในปี 2562 คาดว่าจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ 9,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 5,300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 ปี (2561-2563) บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงปลายปี 2561 โครงการ ดิ เอส อโศก สร้างเสร็จ และมียอดโอนกรรมสิทธิ์ใน ปี 2561 ประมาณ 1,500 ล้านบาท ส่วนกว่า 3,000 ล้านบาท จะทยอยส่งมอบหมดภายในไตรมาส 3/2562
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท เปิดเผยถึงภาพรวมที่อยู่อาศัยตลาดลักซ์ชัวรี่ในปี 2562 ว่าดีมานด์ยังมีอยู่ แม้ว่ามาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีผลบังคับใช้นั้นไม่มีผลต่อลูกค้ากลุ่มดังกล่าวแต่อย่างใด อาจจะมีผลด้านจิตวิทยาเล็กน้อย แต่เชื่อว่าหลังการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว สถานการณ์ต่างๆ จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่อย่างน้อย 1 โครงการ บริเวณซอยรางน้ำ ตรงข้ามคิง เพาเวอร์ บนพื้นที่เกือบ 2 ไร่ สูง 35 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 2 แสนบาท/ตารางเมตร จำนวน 415 ยูนิต มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเปิดตัวภายใต้แบรนด์ใหม่ คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งจะมีชาวต่างชาติสนใจซื้อเต็มโควตา 49%
ขณะที่ความคืบหน้าโครงการ ดิ เอส อโศก ขณะนี้มียอดขายแล้ว 90% โดยลูกค้าสัดส่วน 60% เป็นคนไทย และสัดส่วน 40% เป็นชาวต่างชาติ ได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยเฉพาะสิงคโปร์มีนักลงทุนซื้อยกฟลอร์เพื่อนำไปขายต่อรายละประมาณ 20 ยูนิต โดยห้องชุดที่เหลือขายอีกประมาณ 40 กว่ายูนิต คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปีนี้ ปัจจุบันปรับราคาขายเฉลี่ยขึ้นมาที่ 2.4 แสนบาท/ตารางเมตร
ด้านโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ขณะนี้มียอดขายแล้ว 3 ยูนิต มูลค่า 1,000 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ในระหว่างเจรจาเรื่องแบบบ้านกับลูกค้าอีก 6 ราย มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียม ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 93% มีสินค้าเหลือขาย 500 ล้านบาท และโครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70%
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนในมือมูลค่ารวมประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ถึงปี 2563 โดยในปี 2562 จะรับรู้ประมาณ 9,000 ล้านบาท จาก 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ ดิ เอส อโศก มูลค่า 3,000 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ ประมาณ 4,900 ล้านบาท และจากโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส 1,000 ล้านบาท โดยในปี 2562 คาดว่าจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ 9,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 5,300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 ปี (2561-2563) บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงปลายปี 2561 โครงการ ดิ เอส อโศก สร้างเสร็จ และมียอดโอนกรรมสิทธิ์ใน ปี 2561 ประมาณ 1,500 ล้านบาท ส่วนกว่า 3,000 ล้านบาท จะทยอยส่งมอบหมดภายในไตรมาส 3/2562
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ