"ออลล์ อินสไปร์" ผลงานโค้งสองฉายแววโตต่อเนื่องสอดรับยอดโอนพุ่ง แบ็กล็อกรอบุ๊กกว่า 7.2 พันล้าน แย้มคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่ รวมมูลค่า 8.6 พันล้านหนุน พร้อมเปิดขายเพิ่มอีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 18,250 ล้านบาท ซีอีโอใหญ่ "ธนากร ธนวริทธิ์" มั่นใจพื้นฐานแกร่ง ผลงานทั้งปีนี้โตตามเป้าหมาย

          นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2562 คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการเข้ามาเพิ่ม รวมมูลค่ากว่าพันล้านบาท โดยในเดือนมีนาคม 2562 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือ มูลค่ารวม 7,200 ล้านบาท จาก 13 โครงการในมือ ซึ่งปีนี้บริษัทจะทยอยรับรู้ราว 60-70% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี 2566

          รับทรัพย์คอนโด

          โดยปีนี้มีโครงการคอนโดมิเนียมแล้วเสร็จ จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท คือ 1.โครงการ ไรส์ พระราม 9 มูลค่า 1,594 ล้านบาท เริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 1/2562 2.โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าวนวมินทร์ มูลค่า 1,391 ล้านบาท เริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 3.โครงการ อิมเพรสชัน ภูเก็ต มูลค่า 2,000 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ ไตรมาส 3/2562, 4.โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 มูลค่า 1,596 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 4/62 5.โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50 มูลค่า 2,011 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 4/2562

          นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินค้าเหลือขาย (Inventory) ในมือมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าพร้อมโอนในปีนี้ราว 40% ซึ่งจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ทันทีหลังการขาย และบริษัทตั้งเป้าเปิด 6 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 18,250 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ 3 โครงการ ในทำเลทองหล่อ 12 ทองหล่อ 16 และโครงการ อิมเพรสชัน เอกมัย ส่วนอีก 3 โครงการเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ ไรส์ ทำเลสุทธิสารซอย 20 มิถุนา แยก 5 และลาซาล 83 ปัจจุบันมีที่ดินแล้ว อีกทั้งคงเน้นพัฒนาโครงการบนพื้นที่แนวระบบขนส่งมวลชนระบบรางของกรุงเทพฯ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) ในรัศมี 1-2 กิโลเมตรจากสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงออกแบบฟังก์ชันการใช้งาน เน้นการอยู่อาศัยได้จริงในราคาที่จับต้องได้

          "ALL แบ่งสัดส่วนการขายโครงการระหว่างลูกค้าต่างประเทศและในประเทศ ซึ่งบริษัทมีนโยบายขายให้ลูกค้าต่างประเทศสัดส่วน 30-40% เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้บริษัทหลังการขาย ซึ่งบริษัทสามารถเก็บเงินดาวน์ได้ทันที 30% ของราคาขายจากลูกค้าต่างชาติ เป็นกระแสเงินสดเข้ามาในบริษัททันที ส่วนที่เหลืออีก 70% ลูกค้าต่างชาติโอนด้วยเงินสดทำให้หมดปัญหาเรื่องยอดปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินถือเป็นหนึ่งในโมเดลทางการเงินของบริษัทที่สามารถสร้างความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน และสามารถเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อขยายกิจการได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในอนาคต" นายธนากรกล่าว

          แบ็กล็อกหนุนกินยาว

          นายธนากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 3 ปีนี้ (62-64) บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากบริษัทมีการทยอยรับรู้ยอดขายรอโอน (Backlog)ที่มีในมืออย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังมีโครงการที่รอการขาย ซึ่งสามารถสร้างยอดขายให้บริษัท รวมถึงยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตอีกหลายโครงการ

          สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2562 บริษัทมีรายได้ 852.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 277.92 ล้านบาท คิดเป็น 48.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 97.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.74 ล้านบาท คิดเป็น 15.11% เมื่อเทียบจากปีก่อน ปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการจำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 669.98 ล้านบาท

          "ในไตรมาส 1/2562 บริษัทเปิดตัวโครงการอิมเพรสชั่น เอกมัย พัฒนาภายใต้บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ALL ถือหุ้น 51% กับ Hoosiers Asia Pacific และ Kyushu Railway Company เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้าและธุรกิจหลายด้านในญี่ปุ่น ถือหุ้น 49% และโครงการในทำเลทองหล่อ (ทองหล่อ 16) พัฒนาภายใต้บริษัท เอจี ทองหล่อ 12 จำกัดเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ALL ถือหุ้น 62% กับ Ground Property เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาในสิงคโปร์ ถือหุ้น 38% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี" นายธนากรกล่าว