อวสานคอนโดต่ำ5หมื่น/ตารางเมตร คนกรุงทำใจที่ดินแพง+รถไฟฟ้าเกิดใหม่ทุบกำลังซื้อ
วันที่ : 8 กรกฎาคม 2562
อสังหาฯ 4.0 ผู้บริโภคต้องทำใจ "ฟีนิกซ์ฯ" แบข้อมูลวิจัยตลาดคอนโดฯ เมืองกรุง เผยต้นทุนที่ดินแพง-รถไฟฟ้าเกิดใหม่ตัวการดันราคาขายเฉลี่ยแพงขึ้น ฟันธงถึงยุคอวสานคอนโดฯต่ำ 5 หมื่น/ตารางเมตร ไม่มีการพัฒนาออกมา ขายเลยในปี 2560 รวมทั้งครึ่งปีแรก 2562 กลุ่มราคา 1-1.5 แสน/ตารางเมตรพอร์ตใหญ่สุด พร้อมเปิดทำเลท็อป 5 แข่งดุ
อสังหาฯ 4.0 ผู้บริโภคต้องทำใจ "ฟีนิกซ์ฯ" แบข้อมูลวิจัยตลาดคอนโดฯ เมืองกรุง เผยต้นทุนที่ดินแพง-รถไฟฟ้าเกิดใหม่ตัวการดันราคาขายเฉลี่ยแพงขึ้น ฟันธงถึงยุคอวสานคอนโดฯต่ำ 5 หมื่น/ตารางเมตร ไม่มีการพัฒนาออกมา ขายเลยในปี 2560 รวมทั้งครึ่งปีแรก 2562 กลุ่มราคา 1-1.5 แสน/ตารางเมตรพอร์ตใหญ่สุด พร้อมเปิดทำเลท็อป 5 แข่งดุ "จรัญสนิทวงศ์-เพชรเกษมพหลโยธิน-รามคำแหง-ลาดพร้าว"
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลสำรวจครึ่งปีแรก 2562 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนรวม 18,676 ยูนิต ต่ำกว่าปี 2561 เมื่อมองไปข้างหน้าถ้าสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจ รวมไปถึง ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของคนไทย ไม่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3/62-4/62 คาดว่าถึงสิ้นปีนี้ห้องชุดเปิดขายใหม่จะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 50,000-55,000 ยูนิต ลดลงจากปีที่แล้ว 15-20%
สำหรับสถิติคอนโดฯเปิดขายใหม่ ในช่วงไตรมาส 2/62 มีจำนวน 9,914 ยูนิต สูงกว่า 13% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 โดยเกมการแข่งขันยังเป็น ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีสัดส่วนลงทุนใหม่มากกว่า 60%
รถไฟฟ้าสายใหม่ดันต้นทุนพุ่ง
ทั้งนี้ ในภาพใหญ่ ทำเลแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างมีคอนโดฯเปิดขายใหม่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ประกอบกับราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง มีผลให้โมเดลการพัฒนาโครงการคอนโดฯเท่านั้นจึงจะเหมาะสมที่สุด
จุดขายตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง มีผู้ประกอบการและผู้ซื้อ ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาที่ดินไม่สูงมากนัก ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาโครงการในระดับราคาต่ำกว่า 1.5 แสนบาท/ตารางเมตรได้
ขณะเดียวกัน ในด้านระดับราคา พบว่า นับแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน ราคาเปิดขายใหม่มีการเบ่งตัวขึ้นมาอยู่ในช่วง 1-1.5 แสนบาท/ตารางเมตร ยิ่งการก่อสร้างรถไฟฟ้ามีความคืบหน้ามากเท่าใดยิ่งมีผลต่อการปรับขึ้นราคา ที่ดิน
"เราพบปรากฏการณ์รถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างมีดีมานด์ในกลุ่มราคาต่ำกว่า 1.5 แสน/ตารางเมตร ส่วนใหญ่ปิดการขายหรือมีอัตราการขายที่สูงมากจนเกือบปิดการขายได้ หรือราคายูนิตไม่เกิน 3 ล้าน ยกเว้นโครงการที่เปิดขายในปีที่ผ่านมา หรือโครงการที่เปิดขายราคาใกล้เคียง 1.5 แสนบาท ในขณะที่ราคาเฉลี่ยในทำเลต่ำกว่า 20%"
ท็อป 5 ราคา 1.5 แสนขายดีสุด
นายสุรเชษฐกล่าวต่อว่า โฟกัสราคาขายห้องชุดไม่เกิน 1.5 แสนบาท/ตารางเมตรมี 5 ทำเลที่มีการเปิดตัวมากที่สุด ในปัจจุบัน ได้แก่ "จรัญสนิทวงศ์เพชรเกษม-พหลโยธิน-รามคำแหงลาดพร้าว"
รายละเอียด 1.ถนนเพชรเกษมมีจำนวน 6,450 ยูนิต ในจำนวนนี้มีเพียงไม่กี่โครงการที่เปิดขายในระดับราคาสูงกว่า 1 แสนบาท/ตารางเมตร มีอัตราการขาย 76% 2.ถนนจรัญฯมี 7,300 ยูนิต มีบางโครงการราคาเริ่มขยับสูงกว่า 1 แสนบาท/ตารางเมตร มีอัตราการขาย 75%
3.ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่สี่แยกรัชโยธิน ขึ้นไปตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสาย สีเขียวตอนเหนือมี 9,280 ยูนิต มีอัตราการขาย 82% ส่วนใหญ่ทำเลตั้งอยู่ในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าเสนานิคมเป็นต้นไป ถึงสถานีคูคต
4.ถนนรามคำแหง แนวรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก เปิดขายรวม 12,685 ยูนิต ก่อนหน้านี้สถานีรามคำแหง 12 มีการลงทุนพัฒนาโครงการจำนวนมาก จากนั้นในปี 2561 ทำเลการแข่งขัน ขยับมาอยู่รอบสถานีรถไฟฟ้าหัวหมาก มีห้องชุดเปิดตัวใหม่ถึง 4,795 ยูนิต แนวโน้มพื้นที่ 2 สถานี "ลำสาลี-มีนบุรี" เริ่มเห็นการแข่งขันเปิดขายโครงการใหม่มากขึ้น
5.ถนนลาดพร้าว แนวรถไฟฟ้า สายสีเหลือง พบว่ามีข้อจำกัดด้านผังเมืองทำให้การพัฒนาคอนโดฯ ไม่คึกคักเท่าที่ควร ประกอบกับแนวถนนลาดพร้าวมีอาคารพาณิชย์กระจุกตัวหนาแน่น โดยคอนโดฯริมถนนเป็นโครงการที่พัฒนาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนคอนโดฯเกิดใหม่ต้องหลบทำเลเข้าไปอยู่ในซอย
ที่ดินดิบกระฉูดวาละ 2-5 แสน
"คอนโดฯในอนาคตอาจจะหาโครงการที่มีราคาขายต่ำกว่า 1 แสน/ตารางเมตรไม่ได้แล้วในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า เพราะเมื่อรถไฟฟ้าทั้งหมดสร้างเสร็จและเปิดให้บริการ มีการเดินทางเชื่อมต่อถึงกันหมด จะมีผลทำให้ราคาที่ดินสูงเกินกว่าจะพัฒนาราคาต่ำกว่านี้ได้อีกแล้ว"
โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาโครงการคือราคาที่ดิน ปกติต้นทุนที่ดินมีสัดส่วน 20-30% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งต้นทุนราคาที่ดินสูงกว่า 1 แสนบาท/ตารางวา รูปแบบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย กรรม เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรมหรือคอนโดฯเท่านั้นจึงจะสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ
ถ้าหากราคาที่ดินตั้งแต่ 2-3 แสนบาท/ตารางวาขึ้นไป มีเพียงการพัฒนาคอนโดฯ เท่านั้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้ กับเจ้าของที่ดินหรือผู้ที่ซื้อที่ดินไปพัฒนา อย่างไรก็ตาม ถ้าหากผู้ประกอบการต้องการรักษาสถานะการแข่งขันและจำเป็นต้องขายในราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท/ตารางเมตร จำเป็นต้องซื้อที่ดินในทำเลที่ไกลออกไป จากเมืองชั้นใน หรืออยู่นอกพื้นที่ที่มีเส้นทาง รถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินปัจจุบันเปิดให้ บริการ
ปัจจุบันพฤติกรรมการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ พบว่าผู้ประกอบการส่วนมากเลือกซื้อราคาไม่เกิน 5 แสนบาท/ตารางวา แต่ก็ขึ้นอยู่กับ FAR (อัตราส่วนอาคารต่อขนาดที่ดิน) ด้วย ถ้าราคาที่ดินสูงกว่า 5 แสนบาท/ตารางวา แต่ได้ FAR มากกว่า 1 : 7 ขึ้นไปก็ยังสามารถตั้งราคาขายต่ำกว่า 1.5 แสนบาท/ตารางเมตรได้
"แต่ในทางปฏิบัติ ที่ดินแปลงไหนที่มี FAR สูงกว่า 1 : 7 ผู้ประกอบการมักเลือกพัฒนาห้องชุดที่มีราคาขายสูงกว่า 1.5 แสน"
เอกชนเมินห้องชุดต่ำ 5 หมื่น
นายสุรเชษฐตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ผล กระทบจากภาวะราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ราคาขายคอนโดฯที่เปิดขายในช่วงตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา กลุ่มราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่า 5 หมื่นบาท/ตารางเมตรมีสัดส่วนลดลงเป็นลำดับ จากสถิติในปี 2553 มีห้องชุดต่ำกว่า 5 หมื่น/ตารางเมตรเปิดขายใหม่เกิน 25,000 ยูนิต ปี 2558 ลดเหลือไม่ถึง 5,000 ยูนิต
ไฮไลต์อยู่ที่ปี 2560 เขตกรุงเทพฯปริมณฑลไม่พบมีโครงการเอกชนที่เปิดขายห้องชุดโครงการใหม่แล้วมีราคาขายต่ำกว่า 5 หมื่น/ตารางเมตร, ปี 2561 มีจำนวนเล็กน้อย 1,000-2,000 ยูนิต ในขณะที่ครึ่งปีแรก 2562 ไม่มีการเปิดขายราคาต่ำกว่า 5 หมื่น/ตารางเมตร เช่นเดียวกับในปี 2560
"แนวโน้มของโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคา 5 หมื่นบาท/ตารางเมตรลงมามีทิศทางที่ลดลงต่อเนื่อง และพื้นที่กรุงเทพฯคงหาโครงการคอนโดฯในระดับราคานี้อีกไม่ได้แล้วในอนาคต รวมถึงกลุ่มราคา 5 หมื่น-1 แสนบาท/ตารางเมตร คาดว่าสัดส่วนก็จะลดลงเช่นกัน"
อนึ่ง คอนโดฯสร้างเสร็จและจดทะเบียน อาคารชุดในกรุงเทพฯมีทั้งหมด 603,200 ยูนิต ในจำนวนนี้สร้างเสร็จในช่วงปี 2551 เป็นต้นมาสัดส่วนถึง 65% จำนวน 390,180 ยูนิต แสดงให้เห็นว่าตลาดห้องชุด ในกรุงเทพฯขยายตัวมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตามการขยายตัวของเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน รวมถึงพื้นที่ในจังหวัดปริมณฑล
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลสำรวจครึ่งปีแรก 2562 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนรวม 18,676 ยูนิต ต่ำกว่าปี 2561 เมื่อมองไปข้างหน้าถ้าสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจ รวมไปถึง ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของคนไทย ไม่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3/62-4/62 คาดว่าถึงสิ้นปีนี้ห้องชุดเปิดขายใหม่จะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 50,000-55,000 ยูนิต ลดลงจากปีที่แล้ว 15-20%
สำหรับสถิติคอนโดฯเปิดขายใหม่ ในช่วงไตรมาส 2/62 มีจำนวน 9,914 ยูนิต สูงกว่า 13% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 โดยเกมการแข่งขันยังเป็น ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีสัดส่วนลงทุนใหม่มากกว่า 60%
รถไฟฟ้าสายใหม่ดันต้นทุนพุ่ง
ทั้งนี้ ในภาพใหญ่ ทำเลแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างมีคอนโดฯเปิดขายใหม่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ประกอบกับราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง มีผลให้โมเดลการพัฒนาโครงการคอนโดฯเท่านั้นจึงจะเหมาะสมที่สุด
จุดขายตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง มีผู้ประกอบการและผู้ซื้อ ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาที่ดินไม่สูงมากนัก ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาโครงการในระดับราคาต่ำกว่า 1.5 แสนบาท/ตารางเมตรได้
ขณะเดียวกัน ในด้านระดับราคา พบว่า นับแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน ราคาเปิดขายใหม่มีการเบ่งตัวขึ้นมาอยู่ในช่วง 1-1.5 แสนบาท/ตารางเมตร ยิ่งการก่อสร้างรถไฟฟ้ามีความคืบหน้ามากเท่าใดยิ่งมีผลต่อการปรับขึ้นราคา ที่ดิน
"เราพบปรากฏการณ์รถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างมีดีมานด์ในกลุ่มราคาต่ำกว่า 1.5 แสน/ตารางเมตร ส่วนใหญ่ปิดการขายหรือมีอัตราการขายที่สูงมากจนเกือบปิดการขายได้ หรือราคายูนิตไม่เกิน 3 ล้าน ยกเว้นโครงการที่เปิดขายในปีที่ผ่านมา หรือโครงการที่เปิดขายราคาใกล้เคียง 1.5 แสนบาท ในขณะที่ราคาเฉลี่ยในทำเลต่ำกว่า 20%"
ท็อป 5 ราคา 1.5 แสนขายดีสุด
นายสุรเชษฐกล่าวต่อว่า โฟกัสราคาขายห้องชุดไม่เกิน 1.5 แสนบาท/ตารางเมตรมี 5 ทำเลที่มีการเปิดตัวมากที่สุด ในปัจจุบัน ได้แก่ "จรัญสนิทวงศ์เพชรเกษม-พหลโยธิน-รามคำแหงลาดพร้าว"
รายละเอียด 1.ถนนเพชรเกษมมีจำนวน 6,450 ยูนิต ในจำนวนนี้มีเพียงไม่กี่โครงการที่เปิดขายในระดับราคาสูงกว่า 1 แสนบาท/ตารางเมตร มีอัตราการขาย 76% 2.ถนนจรัญฯมี 7,300 ยูนิต มีบางโครงการราคาเริ่มขยับสูงกว่า 1 แสนบาท/ตารางเมตร มีอัตราการขาย 75%
3.ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่สี่แยกรัชโยธิน ขึ้นไปตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสาย สีเขียวตอนเหนือมี 9,280 ยูนิต มีอัตราการขาย 82% ส่วนใหญ่ทำเลตั้งอยู่ในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าเสนานิคมเป็นต้นไป ถึงสถานีคูคต
4.ถนนรามคำแหง แนวรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก เปิดขายรวม 12,685 ยูนิต ก่อนหน้านี้สถานีรามคำแหง 12 มีการลงทุนพัฒนาโครงการจำนวนมาก จากนั้นในปี 2561 ทำเลการแข่งขัน ขยับมาอยู่รอบสถานีรถไฟฟ้าหัวหมาก มีห้องชุดเปิดตัวใหม่ถึง 4,795 ยูนิต แนวโน้มพื้นที่ 2 สถานี "ลำสาลี-มีนบุรี" เริ่มเห็นการแข่งขันเปิดขายโครงการใหม่มากขึ้น
5.ถนนลาดพร้าว แนวรถไฟฟ้า สายสีเหลือง พบว่ามีข้อจำกัดด้านผังเมืองทำให้การพัฒนาคอนโดฯ ไม่คึกคักเท่าที่ควร ประกอบกับแนวถนนลาดพร้าวมีอาคารพาณิชย์กระจุกตัวหนาแน่น โดยคอนโดฯริมถนนเป็นโครงการที่พัฒนาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนคอนโดฯเกิดใหม่ต้องหลบทำเลเข้าไปอยู่ในซอย
ที่ดินดิบกระฉูดวาละ 2-5 แสน
"คอนโดฯในอนาคตอาจจะหาโครงการที่มีราคาขายต่ำกว่า 1 แสน/ตารางเมตรไม่ได้แล้วในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า เพราะเมื่อรถไฟฟ้าทั้งหมดสร้างเสร็จและเปิดให้บริการ มีการเดินทางเชื่อมต่อถึงกันหมด จะมีผลทำให้ราคาที่ดินสูงเกินกว่าจะพัฒนาราคาต่ำกว่านี้ได้อีกแล้ว"
โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาโครงการคือราคาที่ดิน ปกติต้นทุนที่ดินมีสัดส่วน 20-30% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งต้นทุนราคาที่ดินสูงกว่า 1 แสนบาท/ตารางวา รูปแบบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย กรรม เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรมหรือคอนโดฯเท่านั้นจึงจะสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ
ถ้าหากราคาที่ดินตั้งแต่ 2-3 แสนบาท/ตารางวาขึ้นไป มีเพียงการพัฒนาคอนโดฯ เท่านั้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้ กับเจ้าของที่ดินหรือผู้ที่ซื้อที่ดินไปพัฒนา อย่างไรก็ตาม ถ้าหากผู้ประกอบการต้องการรักษาสถานะการแข่งขันและจำเป็นต้องขายในราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท/ตารางเมตร จำเป็นต้องซื้อที่ดินในทำเลที่ไกลออกไป จากเมืองชั้นใน หรืออยู่นอกพื้นที่ที่มีเส้นทาง รถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินปัจจุบันเปิดให้ บริการ
ปัจจุบันพฤติกรรมการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ พบว่าผู้ประกอบการส่วนมากเลือกซื้อราคาไม่เกิน 5 แสนบาท/ตารางวา แต่ก็ขึ้นอยู่กับ FAR (อัตราส่วนอาคารต่อขนาดที่ดิน) ด้วย ถ้าราคาที่ดินสูงกว่า 5 แสนบาท/ตารางวา แต่ได้ FAR มากกว่า 1 : 7 ขึ้นไปก็ยังสามารถตั้งราคาขายต่ำกว่า 1.5 แสนบาท/ตารางเมตรได้
"แต่ในทางปฏิบัติ ที่ดินแปลงไหนที่มี FAR สูงกว่า 1 : 7 ผู้ประกอบการมักเลือกพัฒนาห้องชุดที่มีราคาขายสูงกว่า 1.5 แสน"
เอกชนเมินห้องชุดต่ำ 5 หมื่น
นายสุรเชษฐตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ผล กระทบจากภาวะราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ราคาขายคอนโดฯที่เปิดขายในช่วงตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา กลุ่มราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่า 5 หมื่นบาท/ตารางเมตรมีสัดส่วนลดลงเป็นลำดับ จากสถิติในปี 2553 มีห้องชุดต่ำกว่า 5 หมื่น/ตารางเมตรเปิดขายใหม่เกิน 25,000 ยูนิต ปี 2558 ลดเหลือไม่ถึง 5,000 ยูนิต
ไฮไลต์อยู่ที่ปี 2560 เขตกรุงเทพฯปริมณฑลไม่พบมีโครงการเอกชนที่เปิดขายห้องชุดโครงการใหม่แล้วมีราคาขายต่ำกว่า 5 หมื่น/ตารางเมตร, ปี 2561 มีจำนวนเล็กน้อย 1,000-2,000 ยูนิต ในขณะที่ครึ่งปีแรก 2562 ไม่มีการเปิดขายราคาต่ำกว่า 5 หมื่น/ตารางเมตร เช่นเดียวกับในปี 2560
"แนวโน้มของโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคา 5 หมื่นบาท/ตารางเมตรลงมามีทิศทางที่ลดลงต่อเนื่อง และพื้นที่กรุงเทพฯคงหาโครงการคอนโดฯในระดับราคานี้อีกไม่ได้แล้วในอนาคต รวมถึงกลุ่มราคา 5 หมื่น-1 แสนบาท/ตารางเมตร คาดว่าสัดส่วนก็จะลดลงเช่นกัน"
อนึ่ง คอนโดฯสร้างเสร็จและจดทะเบียน อาคารชุดในกรุงเทพฯมีทั้งหมด 603,200 ยูนิต ในจำนวนนี้สร้างเสร็จในช่วงปี 2551 เป็นต้นมาสัดส่วนถึง 65% จำนวน 390,180 ยูนิต แสดงให้เห็นว่าตลาดห้องชุด ในกรุงเทพฯขยายตัวมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตามการขยายตัวของเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน รวมถึงพื้นที่ในจังหวัดปริมณฑล
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ