แบงก์'รัฐ-พาณิชย์'ลุยอุ้มลูกหนี้ ดีเดย์ลด'ดอกเบี้ย
Loading

แบงก์ 'รัฐ-พาณิชย์' ลุยอุ้มลูกหนี้ ดีเดย์ลด 'ดอกเบี้ย'

วันที่ : 27 เมษายน 2567
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ราคาที่ดินที่มีการเปลี่ยนแปลง สะท้อนให้เห็นว่า ที่ดินชานเมืองของกรุงเทพฯและปริมณฑล เปลี่ยนแปลงราคาสูง เพราะการขยายตัวของเมือง เป็นผลจากการพัฒนาขยายมอเตอร์เวย์ ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ทั้งเส้นทางใหม่และส่วนต่อขยาย ทำให้ผู้อยู่อาศัยชานเมืองเดินทางเข้าออกเมืองได้สะดวกขึ้น
         ธ.กรุงเทพนำร่อง29เมย. 'ธอส.'ช่วย1.8ล้านบัญชี ค้าปลีกวอนกนง.หั่นอีก งบปี'67ประกาศใช้แล้ว

         ค้าปลีกภูธรวอน กนง.เห็นใจลด ดอกเบี้ยลงอีก เหตุค้าขายลำบาก แบงก์ประสานเสียงหั่นดอกเบี้ย 0.25% ขานรับนโยบายนายกฯ แบงก์กรุงเทพเสือปืนไว นำร่องลด 29 เม.ย. ออมสินใจป้าหั่น 0.4%

         แบงก์พาเหรดหั่นดบ.0.25%
 
         เมื่อวันที่ 26 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสมาคมธนาคารไทย (TBA) ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ในระหว่างที่เศรษฐกิจยังฟ้นตัวไม่เต็มที่และไม่ทั่วถึง ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้า รายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและ SME เป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มมีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งออกมาขานรับนโยบายดังกล่าว

         โดยธนาคารกรุงเทพระบุพร้อมจะตอบสนองต่อมาตรการของภาครัฐ และตระหนักถึงความสำคัญในการสนับสนุนช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้า เพื่อลดภาระทางการเงินด้วยการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารให้ความช่วยเหลือลูกค้าครอบคลุมทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ SME และลูกค้ารายย่อย กลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะช่วงที่ลูกค้าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ จึงเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของธนาคารที่จะช่วยเหลือลูกค้า ผู้ประกอบการในระหว่างที่เศรษฐกิจยังฟ้นตัวไม่เต็มที่และช่วยกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยภาพรวมในช่วงที่มีความเปราะบางทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ

         7แบงก์รัฐเอาด้วยช่วยลูกหนี้

         นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคม มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบางตามนโยบายรัฐบาล โดยธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ร่วมกันลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่มลง 0.25% ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) อัตราดอกเบี้ยตามประกาศ และอัตรากำไรอ้างอิงสำหรับลูกค้า รายย่อยชั้นดี (SPRR) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นเวลา 6 เดือน

         รายงานข่าวจากธนาคารออมสินแจ้ง ประกาศลดดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% เหลือ 6.595% ช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่ม ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เป็นการลดดอกเบี้ย MRR ครั้งที่ 2 ของปี 2567 รวมดอกเบี้ย MRR ลดลงแล้ว 0.40% มีผลวันที่ 1 พฤษภาคม ดอกเบี้ยจะลดอัตโนมัติ ลูกค้าไม่ต้องติดต่อธนาคาร

         ธอส.-ธ.ก.ส.ขานรับรัฐบาล

         นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% ต่อปี จากเดิม 6.795% ต่อปี เหลือ 6.545% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีผลวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้ากว่า 1.8 ล้านบัญชี รวมถึงลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อย และลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ให้มีเงินเหลือเพียงพอในการดำรงชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

         นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน ให้กับ เกษตรกรลูกค้ากลุ่มเปราะบางและเอสเอ็มอี ที่ประสบปัญหาการผลิต รวมถึงลูกหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ มีลูกค้าได้รับประโยชน์กว่า 1.2 ล้านบัญชี มีผลตั้งแต่ 1 พฤษภาคม-31 ตุลาคม 2567

         บสย.เร่งประคอง'เอสเอ็มอี'

         นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย.พร้อมให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามประกาศ 0.25% เพื่อช่วยเหลือ SMEs รายย่อย และกลุ่มเปราะบางต่อเนื่อง มีผล 1 พฤษภาคมนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2567 ตั้งเป้าช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อต่อเนื่อง มีโครงการที่ บสย.ดำเนินการเองรองรับความต้องการสินเชื่อ ได้แก่ โครงการ BI 7 โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Hybrid Guarantee โครงการค้ำประกัน สินเชื่อค่าธรรมเนียมค้ำประกันตามระดับความเสี่ยง บสย.อยู่ระหว่างนำเสนอโครงการต่างๆ ต่อกระทรวงการคลังและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ เพื่อขยายโอกาสการเข้าถึง สินเชื่อของผู้ประกอบการ SMEs ประกอบด้วย 1.โครงการตามนโยบายรัฐ IGNITE Thailand วงเงินค้ำประกัน 5,000 ล้านบาท ร่วมกับธนาคารพันธมิตร 2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 วงเงิน 50,000 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยผู้ประกอบการ SMEs กว่า 76,000 ราย 3.โครงการแก้ไขประกาศกระทรวงการคลัง การกำหนดให้นิติบุคคลผู้ให้บริการสินเชื่อเป็นสถาบันการเงิน (Non-Bank) คาดว่าจะช่วย ผู้ประกอบการเข้าระบบได้มากกว่า 400,000 ราย 4.โครงการร่วมลงทุนกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (JV AMC) อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบความร่วมมือ เพื่อดำเนินการ ภายใต้กรอบเวลาตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

         เอ็กซิมแบงก์ทั้งปีหั่น0.40%

         นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดเผยว่า แบงก์พร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.25% ต่อปี จาก 6.60% เหลือ 6.35% ต่อปี นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีต่ำที่สุดในระบบ เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นการขานรับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบางและ SMEs มีผลวันที่ 30 เมษายน เป็นต้นไป การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เป็นการปรับลดเพิ่มเติมจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.15% ต่อปี เมื่อวันที่ 18 เมษายน เพื่อเป็นของขวัญแก่ผู้ประกอบการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา และเมื่อรวมกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เอ็กซิมแบงก์จึงได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 0.40% ต่อปี เพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม เปราะบางและเอสเอ็มอี

         ค้าปลีกภูธรวอนกนง.ลดดบ.อีก

         นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จ.อุดรธานี กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์และธนาคารภาครัฐ พร้อมใจกันลดอัตราดอกเบี้ย MRR ลงอีก 0.25% ต่อปี 6 เดือน ให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง และเอสเอ็มอี เป็นการช่วยต่อลมหายใจให้ลูกหนี้และผู้ประกอบการรายเล็กดีขึ้น แม้จะเป็นแค่ 6 เดือน ยังดีกว่าไม่มีนโยบายอะไรออกมา อย่างไรก็ดี อยากให้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมครั้งต่อไป ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก อย่างน้อย 0.25% ต่อปี ก็ยังดี เพื่อช่วยต่อลมหายใจภาคธุรกิจได้ครอบคลุมในเซ็กเตอร์ต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากตอนนี้การทำธุรกิจไม่เหมือนเดิม ด้วยภาวะเศรษฐกิจ ค้าขายลำบาก ทำให้ไม่มีเงินหมุนเวียน จำเป็นต้องใช้เงินกู้หมุนเวียนจากธนาคารทำธุรกิจ

         "ครึ่งหลังปีนี้ ภาคธุรกิจยังต้องเผชิญปัจจัยลบอีกมาก เช่น ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นเป็น 400 บาท ราคาน้ำมัน เป็นต้น ล้วนส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าค่าแรง 400 บาท หากขึ้นอีก ทางซัพพลายเออร์ อาจต้องปรับลดโอทีหรืออาจจะไม่มีเลย เพื่อลดค่าใช้จ่าย ส่วนราคาสินค้าถ้าไม่ไหวผู้ผลิตคงต้องทยอยปรับขึ้น ถ้าเป็นไปได้ขอให้ลดดอกเบี้ยลงอีกและค่าแรง 400 บาท อย่าเพิ่งขึ้น แม้ค่าแรงขึ้นทำให้คนมีรายได้ แต่ค่าครองชีพจะสูงขึ้นตาม จากสินค้า อาหารขึ้นราคา" นายมิลินทร์กล่าว และว่า การเข้าระบบโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ดูจาก คำนิยามร้านค้าเล็กแล้ว ร้านคงไม่อยู่ในเงื่อนไข ร้านเองอยากเข้าระบบได้ เพราะที่ผ่านมาเสียภาษีให้กับภาครัฐมาโดยตลอด อยากขอให้รัฐบาลกำหนดนิยามของร้านค้าขนาดเล็กให้ชัด ก่อนเปิดรับสมัคร

         ประกาศแล้วงบประมาณปี'67

         เมื่อวันที่ 26 เมษายน ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จำนวนเงิน 3,480,000,000,000 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

         กกพ.บี้ปตท.คืนชอร์ตฟอล

         รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า ความคืบหน้ากรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน สั่งให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ตรวจสอบการส่งผ่านราคาก๊าซธรรมชาติ กรณีผู้ผลิตไม่สามารถส่งมอบก๊าซได้ตามเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ (ชอร์ตฟอล) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพิ่มเติมจากงวดแรก 4,300 ล้านบาท มีช่วงเวลาอื่นอีกหรือไม่ ว่า ล่าสุด กกพ.ได้รายงานผลการตรวจสอบราคาจัดหาก๊าซธรรมชาติของ ปตท.ระหว่างปี 2556-2563 พบตัวเลขส่วนต่าง ราคาชอร์ตฟอลที่ ปตท.ซื้อก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย แต่ยังไม่ได้สะท้อนไปเป็นส่วนลดในราคาพูลแก๊สหรือราคารวม อีก 4,700 ล้านบาท ดังนั้น ปตท.ต้องส่งคืน เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน หลังจากก่อนหน้านี้คณะกรรมการ หรือบอร์ด ปตท. มีมติส่งคืนราคาชอร์ตฟอล ระหว่างตุลาคม 2563-ธันวาคม 2565 เป็นมูลค่า 4,300 ล้านบาท เพื่อนำมาลดต้นทุนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ในงวดเดือนมกราคม-เมษายนที่ผ่านมา

         ลุ้นลดค่าไฟงวดสุดท้าย7.8สต.

         รายงายข่าวแจ้งว่า วันที่ 29 เมษายนนี้ คณะอนุกรรมการตรวจสอบการส่งผ่านราคาก๊าซธรรมชาติ กรณีผู้ผลิตไม่สามารถส่งมอบก๊าซได้ตามเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ (ชอร์ตฟอล) จะประชุมพิจารณาตัวเลขส่วนต่างราคาชอร์ตฟอลรอบสอง มูลค่า 4,700 ล้านบาท ก่อนเสนอให้ กกพ.มีมติ และแจ้งไปยัง ปตท.ให้ดำเนินการต่อไป หาก ปตท.ยอมรับตัวเลขส่วนต่างราคาชอร์ตฟอล จะสามารถนำมาลดค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปี 2567 (กันยายน-ธันวาคม 2567) ได้ประมาณ 0.078 บาทต่อหน่วย หรือ 7.8 สตางค์ต่อหน่วย

         รายงานข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 มกราคม นายพีระพันธุ์สั่งให้ตรวจสอบชอร์ตฟอลเพิ่มเติมจากงวดแรก และให้ดำเนินการอย่าง เร่งด่วน เมื่อได้ผลอย่างไรให้รายงานความ คืบหน้าทุก 30 วัน ซึ่ง กกพ.ได้ส่งหนังสือรายงาน นายพีระพันธุ์ เป็นระยะ จนพบข้อมูลตัวเลขล่าสุด ซึ่งงวดแรก ปตท.ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของ กกพ. เนื่องจากมองว่า ปตท.คำนวณถูกต้องมาตลอด ตามการบริหารสัญญาซื้อขายก๊าซ แต่ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้พิจารณายกอุทธรณ์ ทำให้ ปตท.ต้องคืนค่าชอร์ตฟอลตามคำสั่ง ส่วนครั้งนี้หาก ปตท.ไม่เห็นด้วยกับคำสั่ง สามารถยื่นอุทธรณ์ และชี้แจงข้อเท็จจริงได้อีกเช่นกัน

         ททท.รุกต่อเนื่องดึงเที่ยวไทย

         นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา (ททท.) เปิดเผยว่า หลังเทศกาลสงกรานต์ผ่านพ้นไป จะเข้าสู่ช่วงกรีนซีซั่นหรือท่องเที่ยวฤดูฝนแล้ว ทำให้ตัวเลขท่องเที่ยว ต่างชาติชะลอตัวลง เป็นปัจจัยตามฤดูกาล ททท.วางแผนรับมือผ่านการกระตุ้นตลาดระยะไกล ในกลุ่มประเทศชอบฤดูฝน เข้ามา เสริมการท่องเที่ยวช่วงนี้ ตลาดระยะไกลเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดแอฟริกา จากสถิติปี 2566 ไม่เห็นการตกท้องช้าง เป็นไปตามฤดูท่องเที่ยวเลย แต่เห็นการเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สูงสุดช่วงฤดูฝนด้วย สะท้อนถึงความชอบฝนที่ประเทศต้นทางไม่ได้มีมากนัก ททท.จะเดินหน้าทำตลาดแอฟริกาต่อเนื่อง อาทิ ปลายปี 2567 จะโรดโชว์ที่แอฟริกา หลังจากห่างหายช่วงโควิดระบาด ยังไม่กลับเข้าไปทำ ปี 2567 เห็นแนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ระยะไกล ใช้เวลาบินเกิน 6 ชั่วโมง เข้ามาเที่ยวไทยเติบโตได้ดีมาก ททท.ตั้งเป้าดึงเข้ามาเที่ยวไทยสัดส่วน 30% จากภาพรวม หรือนับเป็นจำนวน 10,800,000 คน สร้างรายได้ 769,824 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ภาพรวม อยู่ที่ 40% ส่วนอีก 70% เป็นตลาดระยะใกล้ 24,250,000 คน สร้างรายได้ 1,151,176 ล้านบาท หรือ 60% ของภาพรวม พยายามทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมาของนายกรัฐมนตรี ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทย 40 ล้านคน สร้าง รายได้ 3.5 ล้านล้านบาท

         เล็งกลุ่มมาครั้งแรกมาซ้ำแน่

         "เราจะมุ่งตลาดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวไทยครั้งแรก หรือเฟิร์สต์วิสิต เพราะเชื่อว่าหากเข้ามาแล้วจะชื่นชอบประเทศไทย กลับมา เที่ยวซ้ำแน่นอน เหมือนช่วงที่ผ่านมาเน้นทำตลาดต่างชาติเคยเที่ยวไทยแล้วกลับมาเที่ยวซ้ำ จะเข้าไปกระตุ้นตลาดใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศติดดาว หรือประเทศที่มีศักยภาพ อาทิ ไอซ์แลนด์ คาซัคสถาน อิตาลี สเปน ตุรกี ปี 2566 จากข้อมูลพบว่า กลุ่มต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยครั้งแรก เติบโตขึ้นกว่า 10% ถือเป็นตลาดที่สำคัญมาก" นายศิริปกรณ์กล่าว

         นายศิริปกรณ์กล่าวว่า สำหรับความกังวลเหตุสงครามอิหร่านและอิสราเอล มองว่าเป็นระยะสั้น เนื่องจากเห็นการคลายตัวลงบ้างแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าผลกระทบก็อาจทำให้ นักท่องเที่ยวตลาดเป้าหมายเกิดความไม่มั่นใจออกเดินทางท่องเที่ยว สายการบินหลายรายปรับเปลี่ยนเส้นทางบิน และทบทวนแผนการบิน ต้นทุนค่าตั๋วโดยสารสูงขึ้น เนื่องจากเครื่องบิน ต้องบินอ้อม ส่วนนี้อาจต้องประเมินผล กระทบชัดเจนอีกระยะ เพราะตอนนี้ถือว่าเร็วไป แต่หากประเมินจากการดูตัวเลขภาพรวมตอนนี้จะพบว่าตลาดระยะไกลแข็งแรงมาก ตลาดหลักคือรัสเซียยังโตต่อเนื่อง และมีกลุ่มประเทศใหม่เติบโตในอัตราที่ดีด้วย

         ที่ดินเปล่าราคาขึ้นแต่ชะลอตัว

         นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2567 มีค่าดัชนีเท่ากับ 407.8 จุด เพิ่มขึ้น 5.7 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าราคาที่ดินเปล่าปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราต่ำกว่าการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราค่าเฉลี่ย 5 ปี ช่วงก่อนเกิดวิกฤต โควิด-19 ปี 2558-2562 มีอัตราเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14.8% ต่อไตรมาส เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และอัตราเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4.1% จากไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีราคาที่ดินเปล่ายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่เป็นไปในทิศทางยังชะลอตัวลงอยู่ มีสาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจฟ้นตัวช้าทั้งในและนอกประเทศช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนของไทยสูงเกินกว่า 90% ของจีดีพี ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นยังคงมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูง ล้วนเป็นปัจจัยลบส่งผลต่อความสามารถการซื้อที่อยู่อาศัย ประกอบกับการจัดเก็บภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างในปี 2567 รัฐไม่มีมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้ความต้องการซื้อที่ดินสะสมในแลนด์แบงก์ของผู้ประกอบการลดลง เนื่องจากการซื้อที่ดินสะสมไว้จะมีภาระต้องจ่ายภาษีที่ดินฯ ทำให้เกิดต้นทุนจากการถือครองที่ดิน จะกลายเป็นต้นทุนการพัฒนาโครงการในระยะต่อไป

         นครปฐม-ปากน้ำ แชมป์ปรับราคา

         นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับโซนที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรกเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ 1.โซนนครปฐม อัตราการเปลี่ยนราคามากขึ้น 89.4% 2.โซนเมืองสมุทรปราการพระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ มีอัตราการเปลี่ยนราคา 13.9% 3.โซนสมุทรสาคร มีอัตราการเปลี่ยนราคา 12.4% 4.โซนกรุงเทพฯชั้นใน มีอัตราการเปลี่ยนราคา 10.1% และ 5.โซนบางเขน-สายไหม-ดอนเมือง-หลักสี่-มีนบุรีหนองจอก-คลองสามวา-ลาดกระบัง มีอัตราการเปลี่ยนราคา 4.6%

         ราคาที่ดินที่มีการเปลี่ยนแปลง สะท้อนให้เห็นว่า ที่ดินชานเมืองของกรุงเทพฯและปริมณฑล เปลี่ยนแปลงราคาสูง เพราะการขยายตัวของเมือง เป็นผลจากการพัฒนาขยายมอเตอร์เวย์ ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้ง เส้นทางใหม่และส่วนต่อขยาย ทำให้ผู้อยู่อาศัยชานเมืองเดินทางเข้าออกเมืองได้สะดวกขึ้น ประกอบกับราคาที่ดินชานเมืองราคาไม่สูง มากนัก นำไปใช้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย แนวราบสอดคล้องกับความสามารถการซื้อของผู้ต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบได้" นายวิชัยกล่าว

         ที่ดินในเมืองเน้นทำคอนโด

         นายวิชัยกล่าวว่า ส่วนทำเลใจกลางเมืองปรับราคาขึ้น แต่อัตราการเปลี่ยนแปลงไม่สูง เนื่องจากที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาเริ่มมีจำกัด เนื่องจากที่ดินในเมืองราคาสูงอยู่ก่อนแล้ว ทำให้อัตราการเติบโตของราคาที่ดินในเมืองต่ำกว่าบริเวณพื้นที่ชานเมืองของกรุงเทพฯและพื้นที่ปริมณฑล จากความเคลื่อนไหวของดัชนีราคาที่ดินไตรมาสแรกของปี 2567 พบว่าที่ดินโซนกรุงเทพชั้นในมีราคาเพิ่มสูงขึ้น อาจสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการบางกลุ่มสนใจพัฒนาที่อยู่อาศัยในโซนกรุงเทพฯชั้นในมากขึ้น เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวสูงมากกว่าแนวราบ เนื่องจากในบริเวณโซนกรุงเทพชั้นใน จะเป็นการซื้อขายที่ดินแปลงไม่ใหญ่แต่มีมูลค่าสูง จึงเหมาะกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอาคารชุด สอดคล้องกับข้อมูลสำรวจที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4 ปี 2566 พบว่าโซนดังกล่าวเป็นโซนเปิดตัวโครงการอาคารชุดใหม่จำนวนมาก เพิ่มขึ้นถึง 10.8% สำหรับราคาที่ดินเปล่าแนวรถไฟฟ้า พบว่า เส้นทางรถไฟฟ้า 5 อันดับแรกที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่มีรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว และเป็นโครงการในอนาคต ที่มีการเชื่อมต่อกับพื้นที่สำคัญด้านพาณิชยกรรม
  
         เส้นรถไฟฟ้าสีเขียวราคาพุ่ง

         นายวิชัยกล่าวว่า ได้แก่ 1.สายสีเขียว สมุทรปราการ-บางปู และสายสีเขียวแบริ่ง- สมุทรปราการ มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 13.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยราคาที่ดินในเขตพระประแดง พระสมุทรเจดีย์ เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก ในขณะที่ทำเลเมืองสมุทรปราการ มีราคาปรับเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ ได้แก่ ตำบลท้ายบ้าน และท้ายบ้านใหม่ 2.สายสีน้ำเงิน (MRT) และสายสีแดงเข้มช่วงบางซื่อหัวลำโพง มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 10.1% โดยราคาที่ดินในเขตพญาไท คลองเตย และห้วยขวาง เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก 3.สายสีเขียวช่วงหมอชิตสะพานใหม่-คูคต และสายสีแดงเข้มช่วงบางซื่อ-มธ.รังสิต มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 9.0% โดยราคาที่ดินในเขตบางเขน ลำลูกกา เมืองปทุมธานี และสามโคก เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก 4.สายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค, สายสีทองช่วงธนบุรี-ประชาธิปก และสายสีส้มช่วงตลิ่งชันศูนย์วัฒนธรรม มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 8.6% โดยราคาที่ดินในเขตพระนคร คันนายาว และภาษีเจริญ เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก และ 5.สายสีแดงเข้มช่วงหัวลำโพง-มหาชัย มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 8.1% โดยราคาที่ดินในเขตเมืองสมุทรสาคร บางบอน และบางกอกใหญ่ เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก

         แห่เข้าโรงตึ๊งใกล้เปิดเทอม

         ที่ จ.อุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังสถานธนานุบาล หรือ โรงรับจำนำของเทศบาลเมืองอุทัยธานี พบว่า มีประชาชนจำนวนมากนำทองรูปพรรณ โดยเฉพาะสร้อยคอ มาจำนำกันอย่างต่อเนื่อง โดยทางสถานธนานุบาลรับจำนำทองคำในราคาบาทละ 30,000 บาท ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากช่วงใกล้เปิดเทอม และเทศกาลสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ทำให้หลายครอบครัวประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยทางสถานธนานุบาล ได้เตรียมงบประมาณสำรองไว้ จำนวน 50 ล้านบาท พร้อมคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่นำของมาจำนำไม่เกิน 5,000 บาท คิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 50 สตางค์ต่อเดือน โดยมีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน 4 เดือน 30 วัน

         โดย นางสาวพิชญา ทิพยวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการสถานธนานุบาล เปิดเผยว่า นอกจากทองคำซึ่งเป็นที่นิยมในการนำมาจำนำแล้วนั้น ยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่างๆ เช่น เครื่องเสียง ลำโพง เครื่องซักผ้า ตู้เย็น ตลอดจนที่เป็นของติดครัว อย่าง ครกหิน ก็ยังมีคนนำมาจำนำอีกด้วยเช่นกัน รวมไปถึงยังมีผ้าทอ พื้นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังของอำเภอบ้านไร่ ที่บางผืนนั้นมีราคากว่า 10,000 บาท ขึ้นไปจนถึงหลัก 60,000 กว่าบาท ซึ่งเป็นที่นิยมของ ผู้ที่สวมใส่และส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีฐานะสะสมไว้เพื่อสวมใส่ เพราะมีราคาแพง แต่ก็ยังมีคนนำมาจำนำไว้เช่นเดียวกัน

         โรงแรมตราดลุ้นขึ้นค่าแรง

         นายสุทธิลักษณ์ คุ้มครองรักษ์ อดีตประธานสภาอุตสาหกรามจ.ตราดและกรรมการสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 600 บาท นโยบายของพรรคเพื่อไทย ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมยอมรับได้ แต่ไม่ใช่ขึ้นภายในปีเดียว จะเกิดผลกระทบตามมามาก ควรเพิ่มแบบขั้นบันได เช่น ปีละ 60-70 บาท ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ปีนี้ 50 บาท ปีหน้าอีก 70 บาท ปีที่ 3 อีก 120 บาท จะได้ 600 บาท/วัน ก็ทำได้ ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมปรับตัวได้ หากปรับทันทีจะวุ่นวาย เพราะต้นทุนสูงขึ้น สุดท้ายปัญหาตกอยู่ที่ผู้บริโภค เพราะราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามต้นทุน ค่าแรงขั้นต่ำของสถานประกอบการบางแห่ง เช่น ที่อำเภอเกาะช้าง ค่าแรงคนทำสวนหรือทำความสะอาดโรงแรม 4-5 ดาว ขึ้นไปเกิน 500-600 บาท/วัน เพราะราคาห้องพักสูง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะโรงแรม 2-3 ดาว ค่าแรงไม่สูง ระดับผู้ช่วยกุ๊กก็เกิน 500 บาทแล้ว

         "วันนี้ตราดค่าแรงขั้นต่ำ 347 บาท/วัน เมื่อขึ้นพรวดเดียวเป็น 400 บาท/วันทั้งหมด เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก ยกตัวอย่างคนงาน 50 คน ขึ้นวันละ 50 บาท หาก 26 วัน ต้องจ่ายค่าแรงเพิ่มอีก 65,000 บาท/เดือน ถ้ามี 500 คน คูณ 26 วัน จะต้องจ่าย 32 ล้านบาท/เดือน ไหวหรือไม่ วันที่ 1 พฤษภาคม ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะขึ้นแบบไหน หากทั่วประเทศก็ว่ากันไป แต่ประกาศเฉพาะ อ.เกาะช้าง น่าจะได้กระทบ เพราะรัฐบาลเน้นแหล่งท่องเที่ยว เช่น สมุย พัทยา เป็นต้น" นายสุทธิลักษณ์กล่าว

         นางสาววรารัตน์ โชติวรรณ เจ้าของโรงแรมตราดซิตี้ และอดีตเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด เปิดเผยว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาท โรงแรมขนาดเล็กหรือ รีสอร์ตได้รับผลกระทบไม่น้อย เนื่องจากค่าห้องหรือรายได้ไม่มาก เหมือนโรงแรมระดับ 4 ดาว ต้องรอดูความชัดเจนว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เริ่มปรับช่วงไหน การปรับค่าแรงขั้นต่ำ รัฐบาลเน้นแหล่งท่องเที่ยว ตราดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ อาจอยู่ในข่ายนี้ หรืออาจจะเป็นเฉพาะเกาะช้างหรือไม่
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ