3 บิ๊กอสังหาหันหน้าบุกกลุ่มลักชัวรี ชิงตลาดต่างชาติ-แบงก์คุมเข้มปล่อยกู้
Loading

3 บิ๊กอสังหาหันหน้าบุกกลุ่มลักชัวรี ชิงตลาดต่างชาติ-แบงก์คุมเข้มปล่อยกู้

วันที่ : 8 พฤษภาคม 2567
ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงต้นปี 2567 การซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะค่อนข้างเงียบ ตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองจะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯ ระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี
    กลยุทธ์ 3 ดีเวลลอปเปอร้ปั้นโปรเจกต์หรู ชิงกำลังซื้อลูกค้าต่างชาติ หนี้ครัวเรือนสูง-แบงก์เข้มปล่อยกู้ ฉุด "อสังหาฯ" ปี 2567 เหนื่อย บิ๊กดีเวลลอปเปอร์หันพัฒนาโครงการระดับ "ลักชัวรี" แก้เกมอสังหาริมทรัพย์ตลาดล่างกลาง ซบ "A5" เน้นแนวราบลักชัวรี บนทำเลกรุงเทพฯ ตะวันออก-ตก "PROUD" มุ่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ลักชัวรีหัวเมืองท่องเที่ยวพร้อมขยายโครการแนวราบ-แนวสูงสู่ย่าน CBD ฟาก "เมเจอร์" ปั้นลักชัวรีคอนโดเจาะลูกค้า VIP

    ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2567 นับเป็นอีกเซกเตอร์ที่ยังคงต้องเผชิญหน้ากับปัจจัยลบเดิมๆ ที่ลากยาวมาจากปี 2566 ทั้งหนี้ครัวเรือนสูงแตะระดับ 90% ส่งผลกระทบต่อเนื่องให้ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่มีทีท่าจะผ่อนคลายมาตรการ LTV สำหรับบ้านหลังที่ 2 และบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งกำหนดให้ผู้กู้ต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำ 20% ของราคาบ้าน

    ข้อมูลจาก ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงต้นปี 2567 การซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะค่อนข้างเงียบ ตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองจะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯ ระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี จำนวนยูนิตน้อย หลายโครงการมีจำนวนต่ำกว่า 100 ยูนิต แต่มีขนาดยูนิตใหญ่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองในประเทศและเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติ

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองปีนี้จะสูงกว่าในปี 2566 แต่ดีเวลลอปเปอร์ส่วนมาก จะยังไม่เปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการจนกว่าจะได้รับความเชื่อมั่นเพียงพอจากแคมเปญการตลาด ดังนั้นการเปิดตัวโครงการส่วนใหญ่จะเลื่อนไปในช่วงครึ่งปีหลัง

    ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบมีความคึกคักเป็นอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา เป็นผลจากดีมานด์สะสมรวมถึงดีมานด์ใหม่ แต่คาดการณ์ว่าในปี 2567 จะมีการเปิดตัวโครงการบ้านน้อยลง เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการคำนึงถึงซัปพลายที่เพิ่มขึ้น และนโยบายการให้สินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวด มากขึ้น

     สำหรับทั้งสินเชื่อโครงการและสินเชื่อรายย่อย แนวโน้มจึงจะเน้นไปที่ตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน (15-30 ล้านบาท) ซึ่งมีดีมานด์ที่แท้จริง จากดีมานด์และกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มมั่งคั่งสูง (HighNetWorthIndividual-HNWI) และกลุ่มคนรวยยุคใหม่ หรือ New Wealth ที่มีอำนาจในการจ่ายสูงมากทำให้ ในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์หลายรายหักหัวเรือมาจับตลาดลักชัวรี ที่ยังคงมีกำลังซื้ออยู่ โดยเลือกทำเลทองในย่านเศรษฐกิจมาพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ชิงกำลังซื้อกันอย่างต่อเนื่อง แต่ความได้เปรียบยังคงอยู่ในกลุ่มของ ดีเวลลอปเปอร์ที่จับตลาดบนมาตั้งแต่แรกและเป็นเจ้าตลาดมานาน ไม่ว่าจะเป็น บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 บุกตลาดบ้านลักชัวรีโดยเน้นพัฒนาโครงการประเภทแนวราบเป็นหลัก เพื่อขยายฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ซึ่งเป็นตลาดที่ A5 เชี่ยวชาญ

     นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยศึกษาตลาดและพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย เพื่อมองหาโอกาสขยายโครงการในทำเลที่มีศักยภาพสูง และพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเติม โดยนำเสนอดีไซน์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง โดดเด่น แต่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ดี

      ทั้งนี้ ตามโรดแมป 2 ปี A5 มีแผนเปิดตัวโครงการลักชัวรีมูลค่ารวม 8,200 ล้านบาท ภายในปี 2567-2568 โดยในปี 2567 จะเปิด 2 โครงการใหม่ แนวราบมูลค่า รวมกว่า 3,350 ล้านบาทบนทำเลกรุงเทพฯ ตะวันออก-ตก เจาะตลาดเรียลดีมานด์โดยเฉพาะ ประกอบด้วย โครงการ VANA ราชพฤกษ์เวลต์วิลล์ โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น 43 ยูนิต บนที่ดิน 17 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 1,700 ล้านบาท โครงการ "CINQ ROYAL" แห่งใหม่ มูลค่าโครงการประมาณ 1,650 ล้านบาท พื้นที่โซนบางนา

       ส่วนในปี 2568 เตรียมแผนพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มเติม จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,850 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี ภายใต้แบรนด์ VANA พร้อมกับบ้านหรูแบรนด์ใหม่ บนทำเลที่มีศักยภาพ เดินทางสะดวก คงความเป็น Urbanized Living ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 5,000 ล้านบาทภายใน ปี 2569

       นอกจากนี้ ยังเตรียมลงทุนซื้อที่ดินเพิ่ม มูลค่า 2,000 ล้านบาทภายในปีนี้ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

       ขณะที่ บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีบนทำเลที่มีศักยภาพในหัวเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะ "หัวหิน" ทั้งโครงการ InterContinental Residences Hua Hin ซึ่งปิดยอดขายไปแล้วกว่า 3,681 ล้านบาท และมีจำนวนเหลือขายเพียง 5 ยูนิต และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและก่อสร้าง ได้แก่ โครงการ VEHHA Hua Hin มียอดขายแล้ว 1,154 ล้านบาท โดยได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ประเทศเป้าหมาย อาทิ รัสเซีย จีน และยุโรป หลังจากประสบความสำเร็จในหัวเมืองท่องเที่ยวแล้ว

       ยุทธศาสตร์ต่อมาคือการขยายสู่ย่าน CBD แม้ว่าจะเปิดโครงการไม่มากแต่เน้นการออกแบบและบริการที่ดีที่สุด โดยมีทีมวิจัยศึกษาตลาดและพฤติกรรมกลุ่ม เป้าหมาย เพื่อออกแบบโครงการตรงตามความต้องการ และมีมูลค่าเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงที่เป็นเรียลดีมานด์ เริ่มบุกตลาด CBD ด้วยการเปิดตัว โครงการ VI ARI (วี อารีย์) บ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury เหมือนได้อยู่ใน Penthouse on The Ground 3 ชั้นครึ่ง เพื่อการอยู่อาศัยจริงและเพื่อการลงทุน ตามด้วย โครงการ ROMM Convent (รมย์ คอนแวนต์) มูลค่ารวม 4,150 ล้านบาท หลังเปิดตัวไม่นานได้รับกระแสตอบรับที่ดี กวาดยอดพรีเซลกว่า 40% ชูจุดเด่น Luxury Wellness คอนโดมิเนียม แห่งแรกใจกลางเมืองบน ถ.คอนแวนต์-สาทร รายล้อมด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และ โครงการมิกซ์ยูสต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างครบครันในระยะเดินถึง แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนยูนิตจำกัดเพียง 180 ยูนิต

       ล่าสุดได้ลงทุนซื้อที่ดินแปลงใหม่โซนราชพฤกษ์ กว่า 82 ไร่ เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการแนวราบ ระดับลักชัวรี มูลค่า 3,700 ล้านบาท

        ฟากของ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ อาศัยจังหวะตลาดลักชัวรีคอนโดมิเนียมฟื้นตัว พัฒนาโครงการ มิวนีค เจริญกรุง (MUNIQ Charoen Krung) คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีมูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้าระดับ VIP สามารถทำยอดขายในวันเดียวกว่า 1,000 ล้านบาท

       ก่อนหน้านี้เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการเปิดขาย โครงการมิวนีค พร้อมพงษ์ (MUNIQ Phrom Phong) คอนโดมีเนียม ระดับลักชัวรี ที่เปิดการขายในช่วงต้นปี สามารถทำยอดขายช่วงพรีเซลได้อย่างถล่มทลายในเวลาเพียง 2 เดือน คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,400 ล้านบาท ทำให้ไตรมาสแรกของปี 2567 บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้หรือ (Backlog) มากกว่า 4,400 ล้านบาท เป็นผลมาจากกลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยด้วยงานออกแบบโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เข้าใจพฤติกรรมผู้อยู่อาศัยและความคุ้มค่าหากมองถึงการลงทุนในระยะยาว