เมโทรโพลิส" บริษัทพัฒนาอสังหาฯในเครือว่องไววิทย์ อุตสาหกรรม จักรกล ประกาศเดินหน้าลงทุนโครงการ มิกซ์ยูส บนที่ดิน 15 ไร่ ติดรถไฟฟ้าสถานีปากน้ำ มูลค่าโครงการกว่าหมื่นล้านบาท เปิดตัวต้นปี 62 หลังประสบความสำเร็จ คอนโดฯ เดอะ เมโทรโพลิส สำโรงฯ สร้างเสร็จและปิดยอดขายเกือบ 90% เตรียมโอนต.ค.นี้

          นายเฉลิมชัย ว่องไววิทย์ กรรมการ  ผู้จัดการ บริษัท เมโทรโพลิส พรอพเพอร์ตี้ส์ จำกัด บริษัทในเครือ ว่องไววิทย์ อุตสาหกรรมจักรกล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่ จะลงทุนพัฒนาโครงการมิกส์ยูสขนาดใหญ่ บนที่ดินสะสม(แลนด์แบงก์) บนเนื้อที่ 15 ไร่ ติดรถไฟฟ้าสถานีปากน้ำ มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท ภายในโครงการประกอบด้วย คอนโดมิเนียม ประมาณ 3,000 ยูนิต คาดว่าจะมีราคาขาย 80,000 บาท/ตารางเมตร(ตร.ม.) และชอปปิ้งมอลล์ สไตล์ยูโรเปียนทาวน์ เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ส่วนการลงทุนประเภท อื่นเพิ่มเติมภายในโครงการอยู่ระหว่างพิจารณา

          โครงการดังกล่าวจะแบ่งการพัฒนาอกเป็น 2 เฟส ในเฟสแรกพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม เฟส 2 จะพัฒนาเป็นชอปปิ้งมอลล์ และอื่นๆ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี จึงจะสามารถเปิดให้บริการได้ อย่างไรก็ตามในส่วนของคอนโดฯ จะเปิดขายก่อนในช่วงไตรมาสแรกปี 2562 สอดคล้องกับการเปิดวิ่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ แบริ่ง-สมุทรปราการ ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้

          สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ยังคงเป็น กลุ่มคนทำงานในย่านสมุทรปราการ บางนา ร่วมถึงกลุ่มคนทำงานในเมืองที่ไม่ต้องการ ซื้อคอนโดฯในเมืองที่มีราคาแพง แต่สามารถซื้อคอนโดฯในราคาที่ถูกลง เดินทางสะดวก เนื่องจากติดรถไฟฟ้า ส่วนกลุ่มลูกค้าชาว ต่างชาตินั้นก็ยังเป็นกลุ่มเป้าหมายเช่นกัน แต่ ไม่ได้เน้นมากนักต้องการให้มีหลายชาติอยู่อาศัย แต่หากเป็นชาติเดียวเช่น จีน เกรงว่า จะประสบปัญหาการอยู่อาศัย ผู้ซื้อต่างชาติ   บางส่วนนำไปปล่อยเช่ารายวัน ซึ่งผิดกฎหมาย

          นอกจากการพัฒนาโครงการคอนโด- มิเนียมแล้ว ในปี 62 บริษัทยังมีแผนจะลงทุนพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ในย่านอ่อนนุชเนื่องจากมีที่ดินแลนด์แบงก์อยู่หลายแปลง โดยเมื่อ 10 ปีก่อน บริษัทได้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว วิลล่า นครินทร์ อ่อนนุช ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้ว 
          นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการ เดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 อาคาร รวม 1,721 ยูนิต มูลค่าโครงการ 5,700 ล้านบาท จากราคาเริ่มต้นราคาเริ่มต้น 2.8 ล้านบาทหรือ 90,000 บาทต่อ ตร.ม.  โครงการฯ ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากกลุ่มคนในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มคนทำงาน-นักลงทุน  ปัจจุบันเหลือขายเพียง 200 ยูนิต เนื่องจากตั้งอยู่ติดกับสถานีสำโรง ซึ่งในอนาคต สถานีสำโรงจะเป็นสถานี อินเตอร์เชนจ์ (Interchange)  เชื่อมต่อการ เดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (เทพารักษ์ -ลาดพร้าว)

          ส่วนความคืบหน้าด้านงานก่อสร้าง ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จอยู่ระหว่างติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ จะสามารถทยอยโอนได้ในเดือนตุลาคมนี้  โดยที่ผ่านมาได้เชิญลูกค้าเข้ามาทยอยตรวจสอบเครดิต และตรวจสอบห้องชุดในเบื้องต้นก่อนรับโอนในเดือนหน้า เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่มีลูกค้าซื้อไปแล้วกว่า 1,500 ราย ขณะที่จำนวนเจ้าหน้าที่น้อยจึงจำเป็นต้องทยอยตรวจสอบและโอน ซึ่งคาดว่าจะสามารถโอนได้ในปีนี้ประมาณ 300-400 ยูนิต มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท  ส่วนที่เหลือจะไปโอนทั้งหมดและรับรู้รายได้ในปี 62

          "ถึงแม้จะเป็นมือใหม่สำหรับวงการ อสังหาฯ แต่เนื่องจากครอบครัวเป็นวิศวกรตึก ของเราจึงสร้างด้วยมาตรฐานที่สูงมาก โครงสร้างของอาคารใช้เหล็กสูงกว่ามาตรฐานทั่วไป อาจจะแพงหน่อยในวันนี้ แต่ในระยะยาวย่อมจะมีคุณค่ามากกว่า เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสร้างอาคารที่ดี ที่แข็งแรงให้กับลูกค้า ส่วนวัสดุที่นำมาเป็นหน้าต่าง ใช้กระจกลามิเนตหนาถึง 8 มม. และใช้เฟรม upvc ของบริษัท Deceuninck จาก Belgium ซึ่งเราน่าจะเป็นโครงการอาคารสูงรายแรกในประเทศไทยที่ใช้ของมาตรฐานสูงขนาดนี้ มีการทดสอบในอุโมงค์ลมว่าทนแรงลมได้ประมาณ 180 กม./ชม. พายุมาเต็มๆ ยังสบายๆ น้ำไม่เข้าห้องแน่นอนและ upvc นี้จะเป็นสีขาวเหมือนใหม่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปีก็ตาม แม้กระทั่งระบบไฟฟ้าเราได้เผื่อกำลังไฟฟ้าอาคารให้พอใช้หากรถยนต์ในอนาคตจะเป็นรถใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก ส่วนเรื่องน้ำท่วมเราได้ยกระดับเหนือถนนสุขุมวิทไว้เกือบ 80 ซม."