นางสิริการย์ กฤษฏิ์นิพัทธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 62 คาดว่ายอดขายคอนโดมิเนียมจะลดลง 5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเกณฑ์การกำหนดวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยต่อหลักประกัน (แอลทีวี) ที่เข้มงวดมากขึ้น, อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ภายหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น  1.75% ถือเป็นการส่งสัญญาณสิ้นสุดภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่าง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด ส่วนกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับบนจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เนื่องจากลูกค้ามีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยลูกค้าประมาณ  20-30% จะจ่ายเป็นเงินสด

          ขณะเดียวกัน คาดว่ายอดขายจากผู้ซื้อชาวต่างชาติจะชะลอตัวลง เนื่องจากมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการโอนสูงขึ้น โดยเฉพาะชาวจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง และเงินหยวนก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาท ทำให้อสังหาริมทรัพย์ไทยมีความน่าดึงดูดลดน้อยลง รวมทั้ง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้ต้นทุนการถือครองยอดขายรอรับรู้รายได้สูงขึ้น เพราะกฎหมายฉบับใหม่ส่ง ผลทำให้ต้นทุนการถือครอง โดยเฉพาะยอดขาย คอนโดฯ รอรับรู้รายได้ที่มีกำหนดโอนหลังวันที่ 1 ม.ค. 63 เพิ่มขึ้น

          "ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) คาดว่าในปีหน้า ธปท.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อยอีก 1 ครั้ง ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุก ๆ 1% จะส่งผลกระทบทำให้ความต้องการซื้อลดลง 8% ถือเป็นแรงกดดันต่ออัตรากำไร โดยคาดว่าจะเห็นการขายสินค้าคงคลังจำนวนมากในช่วงไตรมาส 4 ปี 61 และไตรมาสแรก ปี 62 และทำให้ยอดขายไตรมาส 2 ปี 62 จะอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากความต้องการซื้อถูกกระตุ้นไปก่อนหน้าแล้ว รวมถึงโครงการเปิดใหม่และยอดขายจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 62 สะท้อนว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นน้อยมากในระยะ 3 ไตรมาสข้างหน้า"