คาดปี62ราคาคอนโดฯขยับขึ้นช้าลง เน็กซัส ระบุสต๊อกในตลาด1.56แสนล.
Loading

คาดปี62ราคาคอนโดฯขยับขึ้นช้าลง เน็กซัส ระบุสต๊อกในตลาด1.56แสนล.

วันที่ : 25 ธันวาคม 2561
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2562 โดยเชื่อว่า จะมีอุปทานเกิดขึ้นใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกับตัวเลขเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาที่ 53,000 หน่วย ในขณะที่ความ ต้องการยังคงอยู่ในช่วงระหว่าง 50,000-55,000 หน่วย
          นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2562 โดยเชื่อว่า จะมีอุปทานเกิดขึ้นใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกับตัวเลขเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาที่ 53,000 หน่วย ในขณะที่ความ ต้องการยังคงอยู่ในช่วงระหว่าง 50,000-55,000 หน่วย ซึ่งจากตัวเลขอัตราการขายรวมและห้องเหลือ(ซัปพลาย)ในตลาดก็น่าจะอยู่ในปริมาณใกล้เคียงกับตัวเลขปี 61 ที่ประมาณ 62,700 หน่วย มูลค่าประมาณ 156,000 ล้านบาท (คำนวณราคาเฉลี่ยขายห้องชุด 2.5 ล้านบาท) โดยทำเลที่มี ซัปพลายจำนวนมาก เช่น ทำเลพญาไท พระโขนง และทำเลฝั่งธนบุรี ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการในปีนี้ จะมีความเฉพาะในเรื่องของโปรดักส์ เช่น โครงการคอนโดฯรองรับผู้สูงอายุ สำหรับคนเลี้ยงสัตว์ คอนโดฯเพื่อสุขภาพ และคอนโดฯ เพื่อหญิงโสด เป็นต้น
          ส่วนคอนโดมิเนียมเช่าสิทธิระยะยาว จะมี แนวโน้มเติบโตและเป็นที่ต้องการ เนื่องจากราคาที่ดินในเมืองปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่โครงการเมกะโปรเจกต์ที่เป็นรูปแบบมิกซ์ยูสจะเกิดขึ้นในเมือง ทั้งจากเจ้าของที่ดินปล่อยเช่าระยะยาว และที่ดินแปลง ของหน่วยงานภาครัฐ เช่น แปลงที่ดินมักกะสัน
          "มุมมองของ เน็กซัส สัดส่วนของห้องชุดที่ผู้ประกอบการควรพัฒนา ควรเพิ่มสัดส่วนไปที่ กลุ่มซิตี้คอนโด และตลาดระดับกลาง ที่มีฐานของ ประชากรกลุ่มใหญ่ของกรุงเทพฯมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปี 62 สัดส่วนจำนวนห้องชุดที่นักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น และบางส่วนจากฮ่องกงและสิงคโปร์ ที่เข้ามาลงทุนน่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 30% จาก 26% (15,820 หน่วย ใน 24 โครงการในปี 61) ส่วนนักลงทุนรายย่อยจากจีนก็น่าจะยังคงเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ก็น่าจะยังรักษาระดับการลงทุน ทางด้านตลาด CLMV เป็นตลาดใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก"
          ทั้งนี้ หากจะวิเคราะห์ถึงการปรับตัวของราคาคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า มองว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ลดลง ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นน่าจะไม่สามารถขึ้นได้ในอัตราที่มากเหมือนเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้น ผู้ประกอบการเองก็น่าจะพัฒนาโครงการในราคาที่ไม่ต้องปรับตัวสูงขึ้นมากนัก จึงคาดการณ์ว่าราคาคอนโดมิเนียมจะปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยอยู่ในระดับ 6-7% ต่อปี  ในส่วนของทำเลการพัฒนาโครงการ มีปัจจัยเรื่องภาพลวงตาของทำเลการอยู่อาศัย เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเลือกซื้อที่อยู่อาศัย เช่น พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย ยังคงเป็นทำเลยอดนิยมสำหรับผู้ประกอบการ ที่เข้ามาโครงการในราคาที่สูง ซึ่งในความเป็นจริง ในทำเล มีสินค้าราคาที่แตกต่างกัน ไม่ใช่จะเป็นทำเลที่เหมาะสมกับการทำโครงการราคาแพง
          สำหรับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศ ไทย(ธปท.) เรื่องการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนการให้กู้ยืมเงินเพื่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ (LTV) จะส่งผลต่อการพัฒนาสินค้าในตลาดที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียม โดยบ้านอาจจะมีการขายระหว่างก่อสร้างและสั่งสร้างมากขึ้น เพื่อให้ผู้ซื้อได้ผ่อนชำระเงินดาวน์บางส่วนก่อน คอนโดมิเนียมก็อาจจะต้องเน้นขายช่วงพรีเซลมากขึ้น ที่มีระยะเวลาการผ่อนยาวขึ้น  และท้ายที่สุด เศรษฐกิจและการเมืองที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงจากการเลือกตั้ง ก็น่าจะมีผลต่อทิศทางของตลาดเช่นกัน
          ในปี 2561 บริษัทมองว่ายังคงเป็นปีที่มีอุปทาน ของคอนโดฯเพิ่มขึ้นในตลาดในจำนวนที่ค่อนข้างสูง โดยมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นใหม่ 60,900 หน่วย จาก 138 โครงการ ทำให้มีคอนโดมิเนียมมีหน่วยสะสมทั้งสิ้น 610,900 หน่วย เพิ่มขึ้น 11%  ทำเลที่นิยมในการพัฒนาโครงการอันดับหนึ่งยังคงเป็นพญาไท รัชดา และพหลโยธิน รวม 21,100 หน่วย พระโขนง สวนหลวง รวม 13,500 หน่วย และ ธนบุรี เพชรเกษม รวม 8,500 หน่วย และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทั้ง 3 ทำเลนี้ก็มีอัตราการเพิ่มของอุปทานมากที่สุดโดยมากกว่า 65-70%
          ทั้งนี้หากจะวิเคราะห์ถึงอุปทานใหม่ พบว่า 41% ของจำนวนหน่วยทั้งหมดจะมาจากตลาดไฮเอนด์ที่มีระดับราคาอยู่ที่ 110,000-190,000 บาท ต่อตร.ม.ราคาต่อหน่วย 4-8 ล้านบาท ตามมาด้วยตลาดระดับกลาง 27% และตลาดซิตี้คอนโด 21% ส่วนยอดขายคอนโดมิเนียมในตลาดกรุงเทพฯ รวมจำนวน 52,000 หน่วย ส่วนราคาขายปรับตัวสูงขึ้น 7.6% จาก 130,600 บาทต่อตร.ม. เป็น 140,600 บาทต่อตร.ม. โดยตลาดใจกลางเมืองปรับตัวเพิ่มอยู่ที่ 10% ไปอยู่ที่ 231,000 บาทต่อตร.ม. ตลาดรอบใจกลางเมือง 7% ไปอยู่ในระดับราคา 113,200 บาทต่อตร.ม. ในขณะที่ตลาดรอบนอกเพิ่มขึ้น 1% เป็น 73,500 บาทต่อตร.ม.
          ซัปพลายตลาดสนง.ให้เช่า 5ปีทะลักล้านตร.ม.
          นายธีระวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัลฯ กล่าวว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีพื้นที่อาคารสำนักงานใหม่ให้เช่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 ล้านตารางเมตร(ตร.ม.) หรือประมาณ 25% ของพื้นที่ที่มีอยู่ในตลาด ณ ปัจจุบัน ทั้งในกรุงเทพฯที่มีอยู่ 8 ล้านตร.ม. อาจจะส่งผลให้อัตราว่างของพื้นที่ให้เช่าสูงขึ้นจากเดิมถึง 2 เท่า โดยจะมีอัตราว่างของพื้นที่ประมาณ 10% จากเดิมเพียง 4-5% แต่การเพิ่มขึ้นของอัตราว่าง ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เกิดอุปทานล้นตลาด เนื่องจากระดับดังกล่าว เมื่อเทียบกับเมืองสำคัญอื่นๆทั่วโลก ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
          ในส่วนของตลาดศูนย์การค้า พบว่า พื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่าที่เกิขึ้นใหม่ของไตรมาสนี้ มาจากไอคอนสยามและเกตเวย์ แอท บางซื่อ และคาดว่าจำนวนพื้นที่ของศูนย์การค้าให้เช่าในปี 62 จะมีมากถึง 240,000 ตร.ม.

 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ