ส่องอสังหาฯ ปี 2020 5 เทรนด์มาแรงตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคใหม่
Loading

ส่องอสังหาฯ ปี 2020 5 เทรนด์มาแรงตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคใหม่

วันที่ : 2 ธันวาคม 2562
การลงทุนโครงการเมกะโปรเจคภาครัฐ การขยายตัวของความเป็นเมืองใหญ่ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัยพ์โดยรวมมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดอสังหาฯ ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
          กัญสุชญา สุวรรณคร

          การลงทุนโครงการเมกะโปรเจคภาครัฐ การขยายตัวของความเป็นเมืองใหญ่ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัยพ์โดยรวมมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดอสังหาฯ ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่ามีความผันผวนไปตามปัจจัยรอบด้านที่เข้ามากระทบ ทำให้ธุรกิจอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็กต่างต้องปรับตัว เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ

          ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ประกอบการยังต้องปรับตัวอีกขนานใหญ่เพื่อไม่ให้ถูก Disruption จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น

          เมื่อผนวกกับโจทย์ของการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จึงจำไปสู่แนวคิดการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่สอดรับกับความต้องการในทิศทางใหม่ๆ

          โดยความต้องการที่อยู่อาศัยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผู้บริโภคให้ความสนใจกับเรื่องเทคโนโลยีเข้ามารองรับการใช้ชีวิตมากขึ้น รวมถึงบริการที่สามารถตอบสนองด้านการอยู่อาศัยในชีวิตประจำวันได้ อย่างแท้จริง และเน้นไปที่สินค้าและบริการซึ่งสร้างความต่าง สดใหม่ แต่ก็สามารถตอบโจทย์ได้ตรงจุด

          ทีมงาน Property Focus จึงได้รวบรวมเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ในปี 2020 นี้
          คัดกันมาแบบเน้นๆ จากหลายแบรนด์ซึ่งกำลังเกิดขึ้น... มาดูกันว่ามีอะไรที่กำลังมาแรง และยังแรงต่อเนื่อง

            1.กลยุทธ์สีเขียว

          แนวคิดการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโดยกำหนดให้มีพื้นที่สีเขียวภายในโครงการมีสัดส่วนมากขึ้นนั้นเป็นเทรนด์ที่ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มนำมาใช้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลัก โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่ในเมืองซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องสัดส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากร หากโครงการใดสามรถทำได้ก็จะยิ่งสร้างความแตกต่างและสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้มากเท่านั้น

          บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) คือหนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่นำกลยุทธ์สีเขียวเข้ามาใช้ในการพัฒนาโครงการของแสนสิริเอง โดย อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ. แสนสิริ กล่าวว่า การนำนวัตกรรมสีเขียวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวงจรธุรกิจ ตั้งแต่ Reduce-Recycle-Design3Retailer-Consumers จะนำไปสู่การสร้างเมืองแห่งอนาคตที่มีความยั่งยืนได้ภายใน 3 ปีนับจากนี้

          "เรื่องนี้ เราไม่ได้พูดถึงเฉพาะต้นไม้เท่านั้น แต่จะครอบคลุมในหลายมิติของการสร้างชุมชนแห่งความยั่งยืน ตั้งแต่การจับมือกับกลุ่มอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ในเมือง หรือ Big Tree ในการ เก็บ เลือก ปลูก รักษา ต้นไม้ใหญ่ในทุกโครงการให้ยังคงอยู่และให้ร่มเงากับผู้อาศัยได้นานขึ้น และยังรวมถึงการบริหารจัดการขยะภายในโครงการที่อยู่อาศัย การนำแนวคิดด้านออกแบบเพื่อลดอุณหภูมิภายในบ้าน เพื่อลดปริมาณการใช้พลังงาน ด้วยนวัตกรรม (Cooliving Designed Door สำหรับคอนโดมิเนียม" เขากล่าว

            2.ตลาดบ้านผู้สูงอายุ

          นับเป็นอีกหนึ่งเทรนด์มาแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านม จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุรวมถึงสัดส่วนประชากรสูงอายุต่อประชากรรวมที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเข้าใกล้สัดส่วน 20% สะท้อนได้ชัดเจนว่าประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไปสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์เกี่ยวกับเทรนด์บ้านผู้สูงอายุนี้ นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้ความเห็นว่า ปีหน้าจะเห็นโครงการที่พัฒนาเพื่อมาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าสำหรับผู้สูงอายุมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดนมิเนียม

          สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งพบว่ามีดีมานด์เพิ่มขึ้น หลังจากจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
          "ที่ผ่านมามีผู้พัฒนาโครงการน้อยมากที่หันมาทำสินค้าสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อจริง ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและเข้าใจถึงความต้องการในระยะยาว ของตนเองมากที่สุด" นลินรัตน์ กล่าว

          ขณะที่ ดีเวลลอปเปอร์ที่รุกเข้าสู่ตลาดนี้อย่างจริงจัง คือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ล่าสุด เตรียมเปิดตัวโครงการ "ศุภวัฒนาลัย" Supalai Wellnes Valley ที่จังหวัดสระบุรี โดยประทีป ตั้งมติธรรม ประธานเจ้าหน้าที่กรรมการบริหาร ศุภาลัย ประธานเจ้าหน้าที่กรรมการบริหาร ศุภาลัย เล่าว่า โครงการศุภวัฒนาลัย มีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และต้องการสร้างความสุขให้กับตัวเองด้วยกิจกรรมหลากหลาย เพื่อชะลอความแก่และให้ร่างกายแข็งแรง มีอายุยืนยาว

          "ศุภาลัยให้ความสนใจ กับโครงการเพื่อสังคมผู้สูงอายุมานาน โดยก่อนหน้านี้เราได้ศึกษาโมเดลทั้งในประเทศญี่ปุ่น และยุโรป และสำหรับโครงการศุภวัฒนาลัย ได้ยึดโมเดลของสว่าง คนิเวศ มาเป็นต้นแบบในการพัฒนาโครงการ" เขากล่าว

            3.โซลาร์ รูฟท้อป

          อีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังคงแรงอย่างต่อเนื่องโดยดีเวลลอปเปอร์ที่มีการทำตลาดนี้ชัดเจนมากที่สุด คือ "เสนา" หรือบริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เสนา กล่าวถึงแฟนการนำโซลาร์รูฟท็อปเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทุกโครงการที่พัฒนา ว่า ณ วันนี้ เริ่มติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ประจุไฟฟ้า (Solar Cell) และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger Station) สำหรับโครงการของเสนาแล้ว ได้แก่ เสนาพาร์คแกรนด์ รามอินทรา, เสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา-วงแหวน เสนาวิวล์ ศาลายา, เสนาอเวนิว บางกะดี-ติวานนท์ เป็นต้น ส่วนโครงการแนวสูงเริ่มทำแล้วกับ นิช โมโน สุขุมวิท 50 และ นิช โมโน พีค บางนา

          ทั้งนี้จากแนวโน้มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจด้านประหยัดพลังงานมากขึ้นนั้น เกษรา กล่าวว่า มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องการปรับกลยุทธ์ และเดินไปพร้อมเทรนด์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของเสนาฯ เองประเมินว่า การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ให้กับโครงการบ้านจัดสรร และคอนโนมิเนียมใน 12 โครงการของเสนานั้น คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 266 กิโลวัตต์ จะช่วยลดคาร์บอนนอกไซด์ได้มากถึง 44.7 กิโลกรัม หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 26 ต้น

            4.บ้านนวัตกรรม Hybrid

          เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง เพราะเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหญ่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี ที่ต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบาย ดังนั้นการสร้างบ้านต้องเป็นได้ทั้งที่อยู่อาศัยและที่ทำงาน เป็นแบบบ้านหนึ่งที่ทำให้คนรุ่นใหม่หันมามองกันมากขึ้น ทำให้ดีเวลลอปเปอร์เลือกจะพัฒนาโครงการที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยที่ดี เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และยกระดับการใช้ชีวิต

          รชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นวัตกรรมในมุมมองของ เอพี นั้นคือการนำเสนอสิ่งที่แตกต่างจากที่เรานำเทคโนโลยีต่างๆ มาแก้ปัญหาลูกค้าได้อย่างตรงจุด และทำให้ผู้อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาทิ Smart Hub Gateway and Security Module ระบบสมองกลอัจฉริยะ ควบคุมและสั่งการเครื่องใช้สมาร์ทโฟน และระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดในตัวบ้าน Motion Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว

          พร้อมเชื่อมต่อการเปิด-ปิดไฟอัตรโนมัติ ตรวจจับสัญญาณความเคลื่อนไหวในบ้านอีกขั้นของการดูแลความปลอดภัยของโลกอนาคต Air Purifier ระบบกรองอากาศอัจฉริยะหมดกังวลเรื่องฝุ่นละออง PM2.5 และกลิ่นไม่พึงประสงค์ พร้อมต้อนรับกลับบ้านด้วยอากาศบริสุทธิ์ทุกวัน

          Home Guard Camera ระบบมอนิเตอร์สมาชิกครอบครัวที่คุณรักได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ "Wireless panic Button อุปกรณ์แจ้งเรียกฉุกเฉิน สำหรับผู้สูงวัย พร้อมเซนเตอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่เตียงนอน เพื่อเปิด-ปิดไฟทางเดินสู่ห้องน้ำแบบอัตโนมัติในตอนกลางคืน เป็นต้น

          ในขณะที่ บุญ ชุน เกีรยติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) กำลังมองถึงเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเขากล่าวว่า ปัจจุบัน AI (Aritificial Intelligence) กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างมากในภาคธุรกิจหลายๆ ธุรกิจ และมองว่ากำลังจะเข้ามาสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

          โดยปัจจุบันในหลายๆ ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อยู่ในช่วงของการพัฒนานำ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อเข้ามาอำนวยความสะดวกและสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่มากขึ้น

          "ในอนาคตเราอาจจะได้เห็น AI เข้ามามีส่วนในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเป็นมากกว่า Home Automation ที่ปัจจุบันเราเริ่มคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วแต่จะเป็นเหมือนผู้ช่วยที่จะรู้ใจเจ้าของบ้านไปเสียทุกอย่าง ตั้งแต่เวลาตื่นนอนรู้ว่าเจ้าของบ้านต้องทำอะไรบ้าง ไปทำงานเวลาใด ไปจนถึงเข้านอนเลยทีเดียว" บุญ กล่าว

            5.เทคโนโลยีก่อสร้าง BIM

          จากปัญหาที่นำมาสู่ต้นทุนที่สูงเกินแผนที่วางไว้ในแต่ละโครงการซึ่งเกิดขึ้นจากหลายส่วน หนึ่งในนั้นอยู่ในส่วนของงานออกแบบ จากในยุคแรกของงานออกแบบก่อสร้างด้วยกระดาษ มาสู่การทำงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ในรูปแบบ 2D และก้าวต่อไปของงานออกแบบกับเทคโนโลยีที่เรียกว่า BIM (Building Information Modeling) ที่มีการทำงานออกมาในแบบ 3D

          สิ่งที่ทำให้ BIM เป็นที่กล่าวถึงและยอมรับมากขึ้นในแวดวงคนทำงานสายอาชีพ สถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมานอกจากความใหม่และทันสมัยของเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นแล้ว มาช่วยปิดปัญหาที่เคยเกิดขึ้นจากากรทำงานในยุคแรกและยุค 2D ที่เคยเจอให้หมดไป แล้วแทนที่ด้วยประสิทธิภาพที่มากกว่า

          BIM คือการเป็นเทคโนโลยี ที่เข้ามาช่วยให้ข้อมูลของการทำงานแต่ส่วนไม่ว่าจะเป็นสถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมา และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร BIM (Building Information Modeling) ได้เข้าใจและทำงานร่วมกันได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเอกสารรายงาน และข้อมูลต่างๆ ของอาคารที่กำลังก่อสร้าง โดย BIM พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้การทำงานของแต่ละโครงการ เริ่มตั้งแต่การออกแบบอาคารไปจนถึงการก่อสร้าง ทำงานและมีความเข้าใจในเรื่องเดียวกัน ทำให้ลดการสูญเสียตามมา ทั้งเรื่อง เวลาการก่อสร้างและเงิน

          และอีกหนึ่งเทคโนโลยี Robotic Construction โดยบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด นำร่องใช้เป็นรายแรก มาใช้ในการออกแบบและก่อสร้างโดยขึ้นต้นเตรียมศึกษาเพื่อนำมาใช้ในพื้นที่ส่วนกลางของ Real Square ในรูปแบบ Sculpture หรือ pavilion" เพราะมองว่า ภายใจ 5-10 ปีข้างหน้านี้ Robotic จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบ และก่อสร้างใหม่ทั้งหมด ซึ่งการก่อสร้างแบบดั้งเดิมที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ก็จะค่อยๆ หายไปและถูกแทนที่โดยหุ่นยนต์

          ทั้งหมดนี้คือ 5 เทรนรด์อสังหาฯ ที่กำลังมาแรงในปีหน้า และจะเห็นการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ภายใต้ 5 เทรนด์นี้มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัยของคนยุคใหม่สอดคล้องไปกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ