คอนโด แบริ่ง พุ่งจ่อขยับราคา10% เสนาฯ ลุยชิงเค้ก
ไนท์แฟรงค์เผยคอนโดย่านแบริ่งศักยภาพขยายตัว ยอดขายพุ่ง 83% สูงสุดรอบ 5 ปี แนวโน้มขยับราคา 10% สูงกว่า ตลาดคอนโดเฉลี่ยที่ 5-7% "เสนา"ส่ง"นิช โมโน สุขุมวิท"โปรเจคร่วมทุนฮันคิวชิงเค้ก ด้าน "กรุงศรี"เผยการแข่งขันลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านแผ่ว คาดสินเชื่อใหม่ทั้งระบบเติบโตช้า
ปัจจุบันพื้นที่เกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหลักเชื่อมต่อศูนย์กลางธุรกิจสำคัญ สุขุมวิท เพลินจิต สีลม และย่านการค้าสยาม ยังเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจลงทุนจาก ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะทำเลสุขุมวิทตอนปลาย
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การพัฒนาคอนโดมิเนียมพักอาศัย ในย่านสุขุมวิทตอนปลายแบริ่ง ยังมีศักยภาพการขยายตัวได้ เนื่องจากตอบสนองความต้องการของคนทำงานในเมืองและคนทำงานในย่านสมุทรปราการ จากเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวบีทีเอส ที่สามารถเดินทางเข้าถึงแหล่งงานและแหล่งชอปปิงกลางเมืองใช้เวลา 15-25 นาที จากสถานีแบริ่งโดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย
นอกจากนี้ราคาต้นทุนที่ดินในย่านนี้ไม่แพงจนเกินไป โดยพื้นที่ติดริมถนนอยู่ที่ 4.5 แสนบาทต่อตร.ว. พื้นที่ในซอยอยู่ที่ 3 แสนบาทต่อตร.ว. ขณะที่ทำเลอุดมสุข-บางนา ราคาที่ดิน อยู่ที่ตร.ว.ละ 7 แสนบาท ขยับขึ้นจาก 5.3 แสนบาทต่อตร.ว.ปีก่อน
"ราคาที่ดินทำเลแบริ่งที่ยัง จับต้องได้ ทำให้คอนโดในย่านนี้มีราคาขายไม่สูงมากเกินไป อยู่ที่ 1.5 ล้านบาทถึง 3.5 ล้านบาท ด้วยราคาต่อยูนิตที่ไม่สูง ทำให้ยอดผ่อนชำระกับธนาคารเดือนละประมาณหมื่นต้นๆ ยังตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานออฟฟิศใจกลางเมือง"
คอนโดแบริ่งยอดขายพุ่งรอบ5ปี
ไนท์แฟรงค์ สำรวจพบว่าคอนโดบริเวณสถานีบางนา-แบริ่ง-สำโรง มีอุปทานสะสมระหว่างปี 2555-ครึ่งปีแรก2560 ทั้งสิ้น 12,417 หน่วย ปัจจุบันมีหน่วยเหลือขาย 3,343 หน่วย คิดเป็นอัตราการขาย 73% เติบโต ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่มีอุปทานใหม่เข้ามามากที่สุด 4,300 หน่วย
ขณะที่คอนโดทำเลโดยรอบสถานีแบริ่ง ถึงสิ้นไตรมาส 2 ปี 2560 มีอัตราการขายสูงถึง 83% มีอุปทานสะสม ทั้งสิ้น 6,430 หน่วย ปัจจุบันมีหน่วยเหลือขายเพียง 1,160 หน่วย สะท้อนถึงอัตราการขายสูงสุดในรอบ 5 ปี จะเห็นได้ว่าทำเลแบริ่งเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องจากอัตราการขายที่สูงกว่า 70% ตลอดระยะ5 ปี
แนวโน้มราคาจ่อขยับ 10%
นายพนม กล่าวอีกว่าปัจจุบันราคาคอนโดราคาเฉลี่ยปรับขึ้น 5-7% แต่ทำเลแบริ่ง มีแนวโน้มราคาขยับเพิ่มขึ้น 10% ในช่วง 1 ปี เนื่องจากยังมีซัพพลายไม่มาก ขณะที่อัตราดูดซับดี จากราคาไม่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับย่านอุดมสุข-บางนา
นอกจากนี้พบว่าผลตอบแทนการลงทุนจากค่าเช่าอยู่ที่ 5.5-6.5% ขึ้นอยู่กับโครงการ โดยโครงการ โลว์ไรส์ 1 ห้องนอนขนาด 28-30 ตร.ม. ราคาขาย 2-2.3 ล้านบาท อัตรา ค่าเช่าเดือนละ 1-1.2 หมื่นบาท ส่วนโครงการไฮไรส์ ขนาดเท่ากันราคาขาย 2.5-2.8 ล้านบาท อัตราค่าเช่า 1.3-1.5 หมื่นบาทต่อเดือน มีผู้เช่าทั้งไทย และต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีนและเกาหลีที่ทำงานในย่านสมุทรปราการ
จากผลสำรวจพบว่าคอนโดบริเวณสถานีบางนา-แบริ่ง-สำโรง ส่วนใหญ่เป็นอาคารโลว์ไรส์ สัดส่วน 63% หรือจำนวน 7,861 หน่วย ขณะที่ อาคารไฮไรส์ มีประมาณ 4,556 หน่วยหรือ 37% เฉพาะสถานีแบริ่งพบว่าคอนโดไฮไรส์ มีเพียง 8% หรือ 545 หน่วย และคอนโดสูงในทำเลนี้มี ยอดขาย 99% เหลือขายเพียงไม่กี่ห้อง เนื่องจากเปิดขายมา 3-4 ปี
"เสนา"ส่งนิชโมโนแบริ่งชิงเค้ก
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเสนา ฮันคิว จำกัด ซึ่งเป็น บริษัทร่วมทุนระหว่างเสนาฯกับบริษัทฮันคิว เรียลตี้ จำกัด ผู้ประกอบการ อสังหาฯ ประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมกันพัฒนาโครงการแรก "นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง" ห่างจากบีทีเอส แบริ่ง 250 เมตร เป็นอาคารสูง 34 ชั้น จำนวน1,275 ยูนิต มูลค่า 3,400 ล้านบาท มี 3 แบบ คือ 1 ห้องนอน 28-31 ตร.ม. แบบ 34 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน 48 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท เฉลี่ย 8.7 หมื่นบาทต่อตร.ม.
โปรเจคดังกล่าวชูจุดขายฟังก์ชันการใช้งานจากแนวคิดการออกแบบที่อยู่อาศัยญี่ปุ่น ที่ได้รับการพัฒนาจากฮันคิว ด้วยนวัตกรรม Geo Fit 4 ด้าน คือ คุณภาพที่ได้มาตรฐาน, การใส่ใจสิ่งแวดล้อม,ปลอดภัยสำหรับผู้สูงวัย และเตรียมพร้อมด้าน ฉุกเฉิน ซึ่งปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทย วางกลุ่มเป้าหมายคนทำงานที่มีไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล คาดก่อสร้างไตรมาสแรกปีหน้า ใช้เวลา 24 เดือน
นายพนม กล่าวเพิ่มเติมว่า คอนโดทำเลใกล้สถานีแบริ่ง ที่มีราคาต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อตร.ม. ถือเป็นราคาที่จูงใจผู้ซื้อ เมื่อเทียบกับ อาคารไฮไรส์ริมถนนสุขุมวิทตอนปลาย จะอยู่ที่ 1.1 แสนบาทต่อตร.ม. โครงการ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง เตรียมเปิดพรีเซลวันที่ 30 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ คาดภายใน 1 เดือนทำยอดขายได้ 30% และเพิ่มเป็น 80% ใน 1 ปี ราคามีแนวโน้มปรับขึ้นไม่ต่ำกว่า 10%
แบงก์แตะเบรกแข่งดอกเบี้ยบ้าน
นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงาน สินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรี อยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปัจจุบันการแข่งขันปล่อยสินเชื่อบ้านด้วยการลดดอกเบี้ยใกล้สิ้นสุดลงแล้ว หลังอยู่ในภาวะรุนแรง ทำให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านปรับลดลงมาอยู่ระดับเฉลี่ย 3 % บวกลบเล็กน้อยคงที่เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังจากนี้ตลาดน่าจะหันมาแข่งขันด้วยบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการคนซื้อบ้านมากขึ้น
"การลดดอกเบี้ย ได้ลดจนต่ำสุดแล้ว ซึ่งกรุงศรีฯมีนโยบายว่าการแข่งขันเราจะไม่เหยียบคันเร่งไปจนมิดได้ เพราะทำอย่างนั้นเครื่องจะร้อนไป จนทำให้เครื่องพังได้ เราจึงไม่ทาอย่างนั้น จึงฉีกออกจากเกมแข่งขันด้วยการมาทำเรื่องบริการ แม้จะใช้เวลา แต่เชื่อว่าเป็นผลดีระยะยาว"
สินเชื่อปล่อยใหม่ปีนี้5.9หมื่นล้าน
ช่วงครึ่งปีแรก สินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารทำได้ดีกว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้ และดีกว่าภาพรวม อุตสาหกรรม แม้ว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจะปรับ ลดลง แต่ก็เป็นผลมาจากปีที่ผ่านมามีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐบาล โดยครึ่งปีแรกธนาคารมี สินเชื่อใหม่ 2.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะปล่อยได้ตามเป้าหมายที่ ตั้งไว้ที่ 5.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีก่อน 7% แต่สินเชื่อคงค้างจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.17 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อน 10% ดีกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม ที่คาดว่าสินเชื่อคงค้างจะเติบโต 5%
ส่วนภาพรวมสินเชื่อบ้านทั้งระบบครึ่งปีแรก สินเชื่อใหม่หดตัว 9% แต่เชื่อว่าด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ จะส่งผลให้สินเชื่อใหม่ปลายปีสามารถเติบโตได้ 5% ทำให้ภาพรวมทั้งปีติดลบเพียง 2% แม้ไม่มีมาตรการจากรัฐบาลสนับสนุน และจากผลของสินเชื่อใหม่ที่เติบโตติดลบ ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างจะโตน้อยกว่าปี2559 เล็กน้อยหรือ 5.81%
ส่วนหนี้เสียหรือเอ็นพีแอลทั้งระบบได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ในช่วงไตรมาสแรกที่เอ็นพีแอลทั้งระบบอยู่ที่ 3.2% ล่าสุดไตรมาส 2 ลดลงเหลือ 3.06% ส่วนเอ็นพีแอลสินเชื่อบ้าน ของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ 2.4% ทั้งปีจะบริหารให้อยู่ไม่เกิน 2.6%