ชี้จุดเปลี่ยนอสังหาไทย อสังหาแนวรถไฟฟ้าโตอีก10ปี แนะศึกษาลงทุน-ลดความเสี่ยง

จับตาทำเลที่อยู่อาศัยใหม่ ชี้อสังหาฯ อีก 10 ปีโตตามแรงหนุนพัฒนารถไฟฟ้า ขณะที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวรับเทรนด์การอยู่อาศัยเปลี่ยน
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าราว 5 แสนล้านบาท/ปี คิดเป็น สัดส่วน 12-13% ของจีดีพี อีกทั้งสามารถขับเคลื่อนธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ประมาณ 2.9 เท่า ปัจจุบันที่อยู่อาศัยได้มีการพัฒนาโดยการนำระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ขณะที่เมืองมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องมีการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอสังหาฯ เติบโตยั่งยืน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ กล่าวว่า การพัฒนาที่อยู่อาศัยหัวใจสำคัญคือทำเล ปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการตามแนวรถไฟฟ้า 5 สาย 79 สถานี และจะมีขยายเพิ่มเป็น 280 สถานี ซึ่งในช่วงปี 2563-2570 จะมีรถไฟฟ้า เพิ่มอีก 5 สาย ทั้งนี้เชื่อว่าส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง อสังหาฯ ในหลายพื้นที่ เช่น สายสีส้ม ทั้งช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพย่านฝั่งธนบุรี และช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี สามารถเชื่อมต่อโครงการไปยังพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นต้น อีกทั้งการ ขยายซีบีดีใหม่อย่างเช่นในย่านรัชดาฯ-พระราม 9 ซึ่งเป็นแหล่งงาน การที่มีรถไฟฟ้าสายสีส้มจะทำให้เดินทางเข้าเมืองมาทำงานสะดวกมากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการควรต้องศึกษาดีมานด์และซัพพลายแต่ละทำเลก่อนตัดสินใจลงทุน ซึ่งในพื้นที่ส่วนต่อขยายมีหลายดีเวลอปเปอร์เข้าไปพัฒนาและเป็นโครงการขนาดใหญ่ เนื่องจากราคาที่ดินยังไม่แพงมาก ที่ดินมีมาก ดังนั้นเมื่อสินค้าในทำเลมีมากก็จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
อย่างไรก็ดี การพัฒนาโครงการยังคงต้อง เลือกจุดสถานีของรถไฟฟ้าที่มีความเหมาะสม ในการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง ด้านราคาที่ดินช่วง 8 ปีที่ผ่านมา มีการปรับขึ้นกว่า 80% ดังนั้นทาวน์เฮาส์จะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะ มาทดแทนคอนโด ทั้งนี้ระดับราคา 2-10 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มีการตอบรับจากผู้บริโภค
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า ระบบขนส่งมวลชนมี ความสำคัญต่ออสังหาฯ โดยในปัจจุบันรถไฟฟ้าถือเป็นยุคที่ 4 ที่มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากโครงการอสังหาฯ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดิน และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัย
อย่างไรก็ดี อนาคตธุรกิจอสังหาฯ จะมีลักษณะเปลี่ยนไป อาจมีลักษณะของแชริ่ง อีโคโนมี คือการแบ่งปันซึ่งเป็นการเช่าแทนการถือครองสินทรัพย์ เหมือนกับอูเบอร์ เป็นต้น ในอนาคตจะมี "แท็กซี่โดรน" มาให้บริการ ซึ่งจะทำให้คนไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัยใกล้ กับรถไฟฟ้า ทั้งนี้คาดว่าอีก 20 ปีข้างหน้า อสังหาฯ จะเป็น "เรียลเอสเตท คราวด์ฟันดิ้ง" ซึ่งเป็นการลงทุนจากสาธารณชนเพื่อมาพัฒนาโครงการ และเชื่อว่าในอนาคตหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่แรงงาน ซึ่งถ้าไม่มีการปรับตัวก็จะไม่รอด
นายกิตติ โกสินสกุล ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท ไฟเบอร์วัน กล่าวว่า ไลฟ์สไตล์ ของคนเปลี่ยนแปลงการเลือกที่อยู่อาศัย จากเดิมจะคำนึงถึงเฉพาะทำเลและสาธารณูป โภค แต่ปัจจุบันเรื่องของสมาร์ทโฮมได้ถูก นำมาใช้และในอนาคตจะมีแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้พักอาศัยให้ได้รับความสะดวกสบายและมีความปลอดภัย
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์