เมเจอร์ฯตอกย้ำผู้นำตลาดอสังหาฯระดับลักชัวรีโชว์รายได้โต 73.46%
Loading

เมเจอร์ฯตอกย้ำผู้นำตลาดอสังหาฯระดับลักชัวรีโชว์รายได้โต 73.46%

วันที่ : 25 มีนาคม 2562
เมเจอร์ฯ เผยเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ 2562 ตลาดกลุ่มนิชมาร์เก็ต กลุ่มมิลเลนเนียลขยายฐาน ตัวแปรสำคัญส่งผลดันตลาดคึกคัก ท่ามกลางปัจจัยบวกรับเลือกตั้ง โครงสร้างพื้นฐานส่วนต่อขยายที่เดินหน้าจับต้องได้ ผนวกกลุ่มทุนนอกยังสนใจลงทุน ช่วยส่งผลให้ภาพรวมที่อยู่อาศัยแนวดิ่งมีสีสันตั้งแต่ต้นปี บนความท้าทายดอกเบี้ยขาขึ้นและนโยบายบ้านหลังที่ 2 ของ ธปท.ที่ดีเวลลอปเปอร์ต้องจับตา คาดตลาดลักชัวรียังสดใส คู่แข่งงัด Innovation แข่งสร้างไลฟ์สไตล์ต่าง ตอกย้ำตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล
          เมเจอร์ฯ เผยเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ 2562 ตลาดกลุ่มนิชมาร์เก็ต  กลุ่มมิลเลนเนียลขยายฐาน ตัวแปรสำคัญส่งผลดันตลาดคึกคัก ท่ามกลางปัจจัยบวกรับเลือกตั้ง โครงสร้างพื้นฐานส่วนต่อขยายที่เดินหน้าจับต้องได้ ผนวกกลุ่มทุนนอกยังสนใจลงทุน ช่วยส่งผลให้ภาพรวมที่อยู่อาศัยแนวดิ่งมีสีสันตั้งแต่ต้นปี บนความท้าทายดอกเบี้ยขาขึ้นและนโยบายบ้านหลังที่ 2 ของ ธปท.ที่ดีเวลลอปเปอร์ต้องจับตา คาดตลาดลักชัวรียังสดใส คู่แข่งงัด Innovation แข่งสร้างไลฟ์สไตล์ต่าง ตอกย้ำตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล

          ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี เปิดเผยความสำเร็จของเมเจอร์ว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปี รายงานผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2561 รายได้รวมอยู่ที่ 5,679.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้รวมของปี 2560 ซึ่งมีรายได้รวม 3,375.21 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 733.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 จากการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการมาเอสโตร 03 รัชดา - พระรามเก้า มาเอสโตร 01 สาทร - เย็นอากาศ มาเอสโตร 14 สยาม - ราชเทวี และ มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมทั้งยังมีการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องจากโครงการพร้อมอยู่หลายโครงการ อาทิ โครงการเอ็ม จตุจักร รีเฟล็กชั่น จอมเทียน บีช พัทยา เอ็ม สีลม และแมเนอร์ สนามบินน้ำ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน ในปี 2561 เป็นเงิน 507.61 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2560 ที่มีส่วนแบ่งกำไร 35.72 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรนี้มาจากการโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องในโครงการร่วมทุน MARQUE Sukhumvit ที่มีมูลค่าโครงการกว่า 7,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ 31 ธันวาคม 2561 โครงการ MARQUE Sukhumvit มียอดขายรอการรับรู้รายได้ (Backlog) คงเหลือ 971.38 ล้านบาท

          และในปี 2562 นี้ เมเจอร์ยังคงเน้นเจาะนิชมาร์เก็ตในกลุ่มลักชัวรีย้ำความเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าว เพราะเชื่อว่าในกลุ่มดังกล่าวยังมีกำลังซื้อ ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้โครงการ

          มิวนีค หลังสวน (MUNIQ Langsuan) จะเริ่มก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จเข้าอยู่ได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ถือเป็นคอนโดมิเนียมหรูในทำเล CBD ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้า โดยสามารถสร้างยอดจองซื้อได้กว่า 90% ซึ่งถือว่าเกินเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 50% ณ วันพรีเซลล์" สำหรับความท้าทายของดีเวลลอปเปอร์ในปี 2562 ดร.สุริยา นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มือหนึ่งมองว่า สำหรับมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 "มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อบ้านหลังที่ 2 ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาไม่มีผลกระทบกับเมเจอร์ เพราะโครงการของเราเป็นระดับซูเปอร์ลักชัวรี ที่มีเกณฑ์ในการกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำในการจองอยู่แล้ว และทุกโครงการมีจุดขายที่ชัดเจนตรงกลุ่มเป้าหมาย ในเรื่องของทำเลที่ตั้งของโครงการ ที่อยู่ใน Prime area และการออกแบบที่ถือเป็นจุดแข็งสำคัญของเมเจอร์ โดยมีพื้นที่ใช้สอยที่เหนือระดับสำหรับที่พักอาศัยในระดับเดียวกัน ถือเป็นจุดขายที่ชัดเจนตรงกลุ่มเป้าหมาย ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าว

          ในขณะที่เทรนด์การพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวดิ่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลของปี 2562 นี้ ดร.สุริยามองว่า นักพัฒนาต้องมองที่ฐานกำลังซื้อสำคัญ ซึ่งอยู่ในกลุ่มมิลเลนเนียลที่กำลังขยายฐานกว้างขึ้นมีกำลังซื้อ ในขณะที่เทรนด์การออกแบบเน้นการออกแบบที่เข้าใจถึงการใช้งานจริง ทั้งในเรื่องของพื้นที่การใช้งาน และการออกแบบที่บ่งบอกไลฟ์สไตส์ของผู้อยู่อาศัยและสร้างประโยชน์ได้จริง โดยปัจจัยบวกนั้น ด้วยไลฟ์สไตล์และเทรนด์ดังกล่าวทำให้การแข่งขันทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการจองและโอนกรรมสิทธิ์จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายและได้ของที่มีคุณภาพ มีโอกาสเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสนใจในการลงทุนของกลุ่มทุนต่างประเทศยังมองว่าไทยยังเป็นทำเลทองของการลงทุน เพราะต้นทุนที่ดินยังอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ตลอดจนสถานการณ์สงครามเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐยังคงสร้างความกังวลต่อนักลงทุน ประเทศไทยจึงเหมือนเป็นพื้นที่ Safe Zone สำหรับการลงทุนของกลุ่มทุนดังกล่าว
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ