น.ส.เติมพร ตันติวิวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยกรณีที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะเสนอการออกมาตรการกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ว่า หากออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์และเน้นไปที่ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองประเมินว่าคงไม่มีความจำเป็นเนื่องจากไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายปรับเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมาผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจซื้อไปก่อนเริ่มมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 62 ไปแล้วแต่อาจจะช่วยเพิ่มความเข้มงวดต่อกฎเกณฑ์แอลทีวีทำให้สกัดการเก็งกำไรเนื่องจากสถาบันการเงินจะมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น

          ทั้งนี้หากออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่เคยใช้ปี 52-53 ซึ่งมาตรการ มีผลประมาณ 15 เดือน ยอดขายของกลุ่มเติบโต 29% และ 41% ตามลำดับและปี 58-59 ที่มาตรการมีผล 6 เดือน ยอดขายของกลุ่มเติบโต 16% และลดลง 3% ในปีถัดมาโดยหากมีมาตรการครั้งนี้จริงคาดว่าระยะเวลาที่บังคับใช้จะเป็นจุดสำคัญที่บอกผลกระทบหากใช้ระยะสั้น 3-6 เดือนกลุ่มที่ได้รับผลดีคือกลุ่มที่มีสินค้าอยู่แล้วพร้อมส่งมอบแต่หากเป็นระยะยาว 6-12 เดือน ทั้งกลุ่มจะได้รับประโยชน์และมีโอกาสที่ยอดปีนี้จะเติบโตมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

          รายงานข่าวจาก บล.เอเซียพลัสกล่าวว่าภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้งปี 62 คาดว่ายังเห็นธุรกรรมการขายการโอนยังมีอยู่แต่การเปิดโครงการใหม่และยอดขายอาจจะชะลอกว่าอดีต โดยคาดว่ายอดขายของผู้ประกอบการ 16 รายใหญ่ปีนี้จะทรงตัวอยู่ที่ 350,000 ล้านบาท ส่วนยอดโอนยังถูกหนุนด้วยสินค้าที่มีอยู่ซึ่งยอดรวมอยู่ที่ 330,000 ล้านบาท รวมโครงการร่วมทุนกว่า 146,000 ล้านบาท มีกำหนดสร้างเสร็จและโอนปี 62 ทำให้กำไรสุทธิปีนี้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังน่าจะเติบโต 4%

          "ช่วงที่ผ่านมาพบว่าก่อนมาตรการแอลทีวีบังคับใช้มีการเร่งซื้อเร่งโอนก่อนวันที่ 1 เม.ย. 62 เพราะผู้ซื้อต้อง การเลี่ยงมาตรการดังกล่าวขณะที่ผู้ประกอบการต้องการ ระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จก่อนจึงมีแคมเปญ"