ส่องบ้าน-คอนโด 8 เดือนแรก ยุคโควิดราคาที่อยู่อาศัยแพงขึ้น 70%
Loading

ส่องบ้าน-คอนโด 8 เดือนแรก ยุคโควิดราคาที่อยู่อาศัยแพงขึ้น 70%

วันที่ : 6 ตุลาคม 2565
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังได้รับผลกระทบจากสารพัดปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากราคาพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.50% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้มและค่าไฟฟ้า ทำให้อัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7.86% สูงสุดในรอบ 13 ปี โดยสรุปอัตราเงินเฟ้อ 8 เดือนแรกปี 2565 อยู่ที่ 6.14%
          ข่าวล่ามาเร็ว สถานการณ์โควิด ยิ่งนานที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ยิ่งแพงขึ้นคอนเฟิร์มจากข้อมูลสำรวจของ LPN Wisdom สรุปสถิติตลาดที่อยู่อาศัย 8 เดือนแรก มีหน่วยเปิดตัวใหม่เพิ่มขึ้น 127% มูลค่าเพิ่มขึ้น 70%

          กทม.-ปริมณฑลเปิดตัวทะลัก

          "ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ LPN รายงานผลการวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์พื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลสะสมในเดือนมกราคม-สิงหาคม 2565 พบว่า มีจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ทั้งสิ้น 67,683 หน่วย เพิ่มขึ้น 127% เมื่อเทียบกับหน่วยสะสมระยะเดียวกันของปี 2564 (YOY) ในด้านมูลค่ามียอดรวม 258,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% (YOY)

          แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมมีหน่วยเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น 238% จำนวนทั้งสิ้น 64 โครงการ รวม 37,931 หน่วย  ในด้านมูลค่ามีจำนวนรวม 93,983  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% โดยมีอัตราขายเฉลี่ยอยู่ที่ 31%

          ในขณะที่มีการเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบ มีหน่วยเพิ่มขึ้น 60% (YOY) จำนวน 170 โครงการ รวม 29,752 หน่วย 

          ในด้านมูลค่าบ้านแนวราบเปิดขายใหม่รวมกัน 164,459 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% มีอัตราขายเฉลี่ยอยู่ที่ 12% อัตราขายได้ตั้งแต่ 9-20%

          จุดโฟกัสเริ่มจากสินค้า "ทาวน์เฮาส์" ช่วงราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยเปิดตัวสูงที่สุด อัตราขายได้เฉลี่ย 9%

          โดยเปิดตัวในทุกทำเลรอบกรุงเทพฯ เช่น รังสิต, บางบัวทอง-รัตนาธิเบศร์ และบางนา-ตราด ฯลฯ 

          ในส่วนของ "บ้านแฝด" พบว่าช่วงราคา 3-6 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยเปิดตัวสูงสุด มีอัตราขายได้เฉลี่ย 11%

          โดยเปิดตัวในทำเลขอบเมืองเข้ามาในเมือง อาทิ รังสิต, พระราม 5-บางกรวย และบางนา-ตราด

          ขณะที่สินค้า "บ้านเดี่ยว" น่าสนใจว่า ฐานราคาเริ่มขยับสูงขึ้น โดยมีการเปิดตัว โครงการใหม่สูงสุดในกลุ่มราคา 6-10 ล้านบาท มีอัตราขายได้เฉลี่ย 12% และพบด้วยว่าเปิดตัวสะสมในทำเลรังสิต-ลำลูกกา, บางบัวทอง-รัตนาธิเบศร์ และบางนา-ตราด

          สำหรับโครงการบ้านระดับพรีเมี่ยม เปิดขายใหม่จำนวน 41 โครงการ มูลค่ารวม 57,612 ล้านบาท เซ็กเมนต์ที่เติบโตได้ดีพบว่าเป็นบ้านเดี่ยวราคา 10-30 ล้านบาท กับมากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป มีอัตราขายเฉลี่ยที่ 20%

          โค้งท้ายปีปัจจัยกระทบเพียบ

          "ประพันธ์ศักดิ์" ระบุด้วยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังได้รับผลกระทบจากสารพัดปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากราคาพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.50% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้มและค่าไฟฟ้า ทำให้อัตรา          เงินเฟ้อเดือนสิงหาคมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7.86% สูงสุดในรอบ 13 ปี โดยสรุปอัตราเงินเฟ้อ 8 เดือนแรกปี 2565 อยู่ที่ 6.14%

          นอกจากนี้ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศปรับดอกเบี้ยนโยบาย 0.25-0.5% ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2565 เพื่อลดช่องว่างดอกเบี้ยไทยกับดอกเบี้ยสหรัฐ ลดการไหลออกของเงินทุน        และแก้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินกรอบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้

          อีกทั้งรัฐบาลประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5.02% หรือเฉลี่ยที่ 377 บาทต่อวัน กำหนดเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

          ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยกระทบที่ทำให้ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่อจากนี้

          เอพีตรึงราคาคอนโดฯหรู

          ด้านความเคลื่อนไหวของบิ๊กแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ "กมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม" รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้คำมั่นสัญญาการส่งมอบ "ชีวิตดี ๆ ที่เลือกเองได้" ให้กับลูกค้า ระบุว่า เอพีมีโครงการสร้างเสร็จและเตรียม ส่งมอบให้กับลูกค้าในไตรมาส 4/65 เป็นต้นไป

          เป็นคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่โครงการใหม่ล่าสุดแบรนด์ "RHYTHM เอกมัย เอสเตท-ริธึ่ม เอกมัย เอสเตท" คอนโดฯร่วมทุนโครงการที่ 16 ระหว่างเอพี ไทยแลนด์ กับมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนส์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป)

          โครงการมีมูลค่า 3,350 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพย่านเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ ไฮไลต์อยู่ที่ถือเป็นการกลับมาของแบรนด์ RHYTHM ในรอบ 3 ปี หลังจากการส่งมอบ "ริธึ่ม เอกมัย" โครงการแรกบนทำเลเอกมัยเมื่อปี 2562 โครงการมีจำนวนจำกัดเพียง 303 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 7.9 ล้านบาท ปัจจุบัน "RHYTHM เอกมัย" มีอัตรา การเข้าอยู่ (occupation rate) มากถึง 90% ราคารีเซลอยู่ที่ 200,000-230,000 บาท/ตารางเมตร ทำให้เอพีมั่นใจว่าโครงการที่สอง "RHYTHM เอกมัย เอสเตท" จะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่บนถนนเอกมัยเชื่อมทองหล่อ

          โดยบริษัทตรึงราคาไว้ที่เฉลี่ย 2.3 แสนบาท/ตารางเมตรจนถึงสิ้นปี 2565 นี้
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ