บิ๊กป้อมสั่งเปย์เงินคนจน
Loading

บิ๊กป้อมสั่งเปย์เงินคนจน

วันที่ : 16 มกราคม 2566
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า มีแนวโน้มในปีนี้ราคาบ้านและคอนโดมิเนียมจะปรับขึ้นอีก 5-10% สำหรับโครงการที่เปิดตัวใหม่ ตามต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะทยอยขึ้นในไตรมาส 2 เป็นต้นไป
          โชว์ป๋าสั่งเพิ่ม500-700บ. คลังเครียดบานแสนล้าน มติชนจัดเสวนาบทใหม่ปท.

          ลุ้น'อาคม'ชง ครม.ขยายเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซลอีก 2 เดือน 'บิ๊กป้อม'สั่งเพิ่มเงินบัตรคนจนลดภาระค่าครองชีพ 'มติชน'จัดเสวนาใหญ่'บทใหม่ประเทศไทย' 25 ม.ค.นี้

          คลังชงครม.ต่ออายุลดภาษีดีเซล

          เมื่อวันที่ 15 มกราคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงข้อเรียกร้องของภาคเอกชนให้มีการขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลิตรละ 5 บาท เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 35 บาท ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 มกราคม ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา และยังตอบไม่ได้ว่าจะต่ออายุแค่ไหนหรือลดภาษีลิตรละกี่บาท เพราะต้องดูสถานการณ์และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง แม้ภาพรวมราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง แต่จะต้องมองราคาดีเซลที่อ้างอิงราคาจากตลาดสิงคโปร์เป็นส่วนประกอบด้วย

          แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 17 มกราคม กระทรวงการคลังจะเสนอให้ขยายเวลามาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพประชาชน และภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งถือเป็นการต่ออายุมาตรการเป็นรอบที่ 6 เบื้องต้นคาดว่าจะลดภาษีให้อีกลิตรละ 3-5 บาท เป็นเวลา 2-3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมเป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้คลังสูญเสียรายได้อีกไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท

          "แนวโน้มที่กระทรวงการคลังจะลดภาษีให้ลิตรละ 5 บาท นาน 2 เดือน มีโอกาสมากกว่า เพราะราคาน้ำมันดีเซลที่ไทยใช้อ้างอิงจากประเทศสิงคโปร์ยังทรงตัวในระดับสูง หาก ครม.เห็นชอบต่ออายุมาตรการจะทำให้รัฐบาลสูญรายได้ภาษีทั้งหมด 1.1-1.2 แสนล้านบาท ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อฐานะการคลังของประเทศในระยะยาว โดยเฉพาะการจัดเก็บรายได้ขอกรมสรรพสามิตต้องติดลบไปจำนวนมาก โดยยอดจัดเก็บรายได้เมื่อปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.64-ก.ย.65) น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจัดเก็บได้ 5.31 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 15% หรือหายไป 9.35 หมื่นล้านบาท" แหล่งข่าวกล่าว

          แจ้งรายชื่อสิทธิบัตรคนจนต้นก.พ.

          นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ว่า คาดว่าหน่วยงานที่ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติจะส่งรายชื่อภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ จากนั้นจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับสิทธิและผู้ไม่ได้รับสิทธิโดยเร็ว อาจจะภายในสิ้นเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้ได้รับสิทธิจะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม เป็นต้นไป ส่วนคนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบหากเห็นว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง กระทรวงการคลังยังเปิดโอกาสให้อุทธรณ์ได้ หากอุทธรณ์แล้วผ่านก็จะได้รับสิทธิย้อนหลังด้วย

          นายสันติกล่าวว่า สวัสดิการที่จะมอบให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่จะแตกต่างจากเดิม แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมของงบประมาณ จำนวนผู้ได้รับสิทธิและความจำเป็นที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

          นายสันติกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาแนวทางการถ่ายโอนสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐของผู้ได้รับสิทธิบัตรในปัจจุบันไปสู่การได้รับรอบใหม่ เพราะบัตรเดิมจะสิ้นสุดอายุในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ และบัตรใหม่จะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม แต่รูปแบบจะไม่มีการจัดทำเป็นบัตรสวัสดิการ แต่จะให้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนได้เลย จึงจะต้องมีการนำข้อมูลของผู้ได้สิทธิเดิมเข้าไปยังบัตรใหม่ด้วย

          'บิ๊กป้อม' สั่งหาแนวเพิ่มเงินช่วย

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม.ครั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแนวทางเพิ่มเงินอุดหนุนค่าครองชีพแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ โดยอยากให้เพิ่มเป็น 500-700 บาทต่อเดือน จากปัจจุบันได้รับคนละ 200-300 บาทต่อเดือน เพื่อให้ช่วยเหลือลดรายจ่ายแก่ผู้มีรายได้น้อยที่กำลังเผชิญปัญหาค่าครองชีพสูง อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังไม่มั่นใจว่าจะปรับเพิ่มวงเงินให้ได้หรือไม่ เพราะต้องใช้งบประมาณเพิ่มจำนวนมาก หรืออาจต้องใช้เงินเพิ่มเป็นปีละกว่าแสนล้านบาท จากปัจจุบันใช้งบประมาณเฉลี่ยปีละ 5 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะจะมีผู้ได้รับสิทธิเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 13 ล้านคน อาจเพิ่มเป็นเกือบ 20 ล้านคน

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ กระทรวงคลังกำลังพิจารณาปรับรูปแบบการให้สวัสดิการด้านอื่นให้สอดคล้องกับการใช้งานของประชาชนมากขึ้น เช่น หมวดสวัสดิการช่วยเหลือค่าเดินทาง จะมีการใส่วงเงินให้สามารถเลือกขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟ หรือรถ บขส.ได้เลย โดยไม่ต้องแยกต่างหากเหมือนปัจจุบัน เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดความลักลั่น เนื่องจากผู้มีสิทธิในต่างจังหวัดไม่มีสิทธิใช้รถสาธารณะได้มากเท่ากับคนจนใน กทม.และปริมณฑล ทำให้เหลือวงเงินค่ารถไฟ ค่ารถ บขส.ไม่ได้ใช้จำนวนมาก

          ชี้ตรุษจีนคึกคักสายบินแน่น

          นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 16-28 มกราคม  คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,819,198 คน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 139,938 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ (ขาเข้า-ออก) จำนวน 1,364,202 คน และผู้โดยสารภายในประเทศ (ขาเข้า-ออก) จำนวน 454,996 คน

          นายกิตติพงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับประมาณการเที่ยวบินในช่วงดังกล่าว คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมทั้งสิ้นจำนวน 10,965 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 843 เที่ยวบิน โดยแบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ (ขาเข้า-ออก) จำนวน 7,635 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ (ขาเข้า-ออก) จำนวน 3,330 เที่ยวบิน โดยมีสายการบินขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษ และเช่าเหมาลำ (Extra & Charter Flight) จำนวน 10 สายการบิน รวมทั้งสิ้น 86 เที่ยวบิน แบ่งออกเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ จำนวน 2 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ จำนวน 84 เที่ยวบิน ซึ่งสายการบินที่ขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ สายการบินทีเวย์ จำนวน 26 เที่ยวบิน สายการบินเจจูแอร์ จำนวน 24 เที่ยวบิน และสายการบินเซียะ เหมิน แอร์ไลน์ จำนวน 10 เที่ยวบิน

          สั่งเตรียมพร้อมลดคับคั่ง

          นายกิตติพงศ์กล่าวว่า เพื่อให้การบริการผู้โดยสารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงได้ร่วมบูรณาการกับส่วนงานต่างๆ ให้มีความพร้อมในการรองรับผู้โดยสาร ได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการในด้านต่างๆ อาทิ จัดสรรเคาน์เตอร์เช็กอินเพิ่มเมื่อได้รับการร้องขอจากสายการบิน เพื่อทำการตรวจบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระล่วงหน้า 4 ชั่วโมง ลดความคับคั่งของผู้โดยสารขาออกที่มาก่อนเวลาปกติ 3 ชั่วโมง เพิ่มเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกบริเวณพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางทั้งขาเข้าและขาออก สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)

          นายกิตติพงศ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนการให้บริการกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดพร้อมกำชับให้ผู้ให้บริการภาคพื้น ที่ขนถ่ายสัมภาระผู้โดยสารดำเนินการขนถ่ายสัมภาระให้ตรงตามเวลาที่กำหนด พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ยานพาหนะ และอุปกรณ์ในการให้บริการภาคพื้นให้เพียงพอ

          ในช่วงเทศกาลตรุษจีนคาดว่าจะมีผู้โดยสารชาวจีนเดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิจำนวนมาก จึงได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ล่ามภาษาจีนสนับสนุนส่วนงานราชการหรือสายการบินเมื่อได้รับการร้องขอ รวมถึงประสานผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร จัดทำข้อความภาษาจีนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารชาวจีนด้วย" นายกิตติพงศ์กล่าว

          นายกิตติพงศ์กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือผู้โดยสารที่จะเดินทางเที่ยวบินขาออกระหว่างประเทศควรเผื่อเวลาก่อนการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง โดยเฉพาะในช่วงเวลาประมาณ 19.00-21.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่น ส่วนเที่ยวบินขาออกภายในประเทศควรเผื่อเวลาก่อนการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

          ชี้ต่างชาติเก็งกำไรทำบาทแข็งค่า

          นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัยและที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา จากระดับ 37-38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ ว่า เงินบาทแข็งค่ามากเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน จึงกังวลถึงแรงซื้อพันธบัตรระยะสั้นของนักลงทุนชาวต่างชาติเพื่อต้องการเก็งกำไร หรือการนำเงินเข้ามาพักเพื่อสร้างกำไรจากค่าเงินบาท คาดว่าจะทำให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องไปอีก

          นายอมรเทพกล่าวว่า ปัจจัยหลักที่นักลงทุนต่างชาติเลือกเงินบาทในการเก็งกำไร เพราะไทยอาจได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศจีน ทำให้เงินไหลเข้าประเทศจำนวนมาก ส่งผลให้สถานการณ์ไทยที่เป็นประเทศขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเป็นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดได้อย่างรวดเร็วจากรายได้จากการท่องเที่ยว

          นายอมรเทพกล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากการแข็งค่าของเงินบาท คือการส่งออกที่คาดว่าปีนี้อาจติดลบเฉลี่ย 1% หรือมากกว่า เห็นได้จากการส่งออกติดลบใน 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากการชะลอตัวเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปมากกว่าที่คาดไว้

          จีนเริ่มติดต่อขอโอนคอนโด

          นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า หลังจีนเปิดประเทศนับเป็นสัญญาณที่ดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม คาดว่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมนี้จะเริ่มเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ขณะนี้มีลูกค้าคนจีนที่ยังไม่ได้มาโอนตั้งแต่เกิดโควิดระบาด เริ่มติดต่อจะมาโอนบ้างแล้ว

          "ช่วงจีนปิดประเทศ เราได้ลูกค้าต่างชาติจากกลุ่มตะวันออกกลาง เช่น ดูไบ มาซื้อคอนโดมิเนียมแถวนานา ราคาเฉลี่ยยูนิตละ 10 ล้านบาท สำหรับเป็นบ้านหลังที่ 2 ไว้มาพักผ่อนและหาหมอ เริ่มเข้ามาซื้อเมื่อปลายปี 2565 แต่กำลังซื้อยังสู้คนจีนไม่ได้ หวังว่าจีนเปิดประเทศแล้วจะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น" นางอาภากล่าว

          ราคาบ้านขยับขึ้นขั้นต่ำ5-10%

          นางอาภากล่าวว่า ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาฯยังมีปัจจัยที่ต้องจับตา โดยเฉพาะภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและมาตรการแอลทีวีที่มีผลต่อตลาดระดับกลาง-ล่าง ทำให้กู้สินเชื่อซื้อบ้านได้ยากขึ้น ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 20-30% ซึ่งในส่วนของบริษัทเองเมื่อปี 2565 พบว่ามียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 40% ในกลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทบทวนมาตรการแอลทีวีใหม่ เช่น ชะลอออกไประยะหนึ่ง เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวและแบงก์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน ส่วนราคาบ้านคาดว่าในปีนี้คงต้องมีทยอยปรับขึ้นตามต้นทุนใหม่ อย่างน้อย 5-10%

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า มีแนวโน้มในปีนี้ราคาบ้านและคอนโดมิเนียมจะปรับขึ้นอีก 5-10% สำหรับโครงการที่เปิดตัวใหม่ ตามต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะทยอยขึ้นในไตรมาส 2 เป็นต้นไป

          พณ.แจงนอมินีจีนแย่งอาชีพ

          นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวด่วนผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ถึงประเด็นข้อกังวลชาวจีนถือวีซ่านักท่องเที่ยวทำธุรกิจในไทยว่า เป็นความกังวลของผู้ประกอบการไทยย่านเยาวราชว่าชาวจีนที่ถือวีซ่านักท่องเที่ยวจะใช้นอมินีในการเข้ามาทำธุรกิจในไทย อาทิ ร้านอาหาร จะส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการไทยลดลงในระยะยาว กรมในฐานะกำกับดูแลตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 กำหนดว่าคนต่างด้าวที่จะประกอบธุรกิจขายอาหารหรือเครื่องดื่ม ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวก่อน

          นายทศพลกล่าวว่า ส่วนมาตรการป้องปรามหรือมาตรป้องกันการตรวจการกระทำในลักษณะนอมีนีของกรมจะมีการตรวจสอบว่ามีการใช้คนไทยถือหุ้นแทน หรือกระทำในลักษณะนอมีนีหรือไม่ โดยจะมีการแสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งพยานหลักฐาน เพื่อนำมาพิจารณาประกอบการตรวจสอบต่อไป

          "กรมขอเตือนคนไทยที่ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวหรือร่วมเอาชื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่ได้ลงทุนจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝ้น" นายทศพลกล่าว

          'สุริยะ' โรดโชว์ญี่ปุ่นลงทุนไทย

          นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยผลการดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 11-15 มกราคมที่ผ่านมาว่า ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับรัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดอิชิกาวะ คาดว่าจะเกิดการลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่นทั้งทางตรงและร่วมลงทุนทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และเอสเอ็มอีในเร็วๆ นี้

          "ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมได้ลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นญี่ปุ่นไปแล้วรวม 23 แห่ง เกิดการประชุมเครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม การจับคู่ธุรกิจ การจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั้ง 2 ประเทศ และพบว่ามีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงไทยแล้ว 500 บริษัท คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 10,000 ล้านบาท" นายสุริยะกล่าว

          สัมมนาใหญ่ 'บทใหม่ประเทศไทย'

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโอกาสหนังสือพิมพ์มติชนก้าวเข้าสู่ปีที่ 46 ได้ร่วมกับข่าวสด ประชาชาติธุรกิจ จัดเสวนาหัวข้อ Thailand : New Episode บทใหม่ประเทศไทย 2023 ขึ้นในวันที่ 25 มกราคม ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ที่ห้องอินฟินิตี้ 1-2 โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เพื่อระดมมุมมองในทุกมิติของสถานการณ์ของประเทศในปี 2566 และข้อเสนอแนะในการร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไทย รวมทั้งให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน มีความเข้าใจร่วมกันในสถานการณ์และแนวโน้มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลก การเมืองระหว่างประเทศ การฟื้นตัวหลังโควิด-19 ปัญหาพลังงาน ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียกับประเทศยูเครน ปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาโลกร้อนและสภาพแวดล้อม ประกอบกับในปี 2566 ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งทั่วไป น่าสนใจว่าจะมีผลอย่างไรต่อทิศทางของประเทศ

          ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เวทีเสวนาหัวข้อ Thailand : New Episode บทใหม่ประเทศไทย 2023 จะเริ่มด้วยนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เสวนาในหัวข้อ Thailand opportunity นำเสนอให้เห็นถึงโอกาสของประเทศไทยในตลาดโลก ที่จะช่วยสร้างความเติบโตให้กับเศรษฐกิจประเทศ จากนั้น นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมเสวนาในหัวข้อ New Episode เศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย ฉายภาพทิศทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทย

          นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บรรยายในหัวข้อ Speed up การบินไทย-ท่องเที่ยวไทย ถึงการปรับโครงสร้างของการบินไทย ให้สอดรับกับการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของประเทศ ขณะที่ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ร่วมเสวนาในหัวข้อ เดินหน้า New S-curve นำเสนอภาพรวมและทิศทางของการขับเคลื่อนพลังงานสะอาด ผ่านนวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียน พลังงานไฟฟ้า และยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อมุ่งสู่ New S-Curve นายภูวนาท คุนผลิน พิธีกร-นักจัดรายการวิทยุ ร่วมพูดคุยหัวข้อ พลัง New Gen ขับเคลื่อนประเทศ ฉายภาพพลังของกลุ่มนิวเจเนอเรชั่นในการร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทย

          ผู้สนใจสามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านเพจเฟซบุ๊ก Matichon Online, Prachachat, Khaosod, Khaosod English และช่องทางยูทูบ Matichon tv, Matichon Online, Prachachat, Khaosod Tv
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ