Refinance ดีอย่างไรต่อคนผ่อนบ้านและคอนโด
Loading

Refinance ดีอย่างไรต่อคนผ่อนบ้านและคอนโด

วันที่ : 13 กุมภาพันธ์ 2565
Refinance ดีอย่างไรต่อคนผ่อนบ้านและคอนโด

ใครก็ตามที่ขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านและคอนโดเอาไว้ อุปสรรคสำคัญที่คนส่วนใหญ่ต้องเจอก็คือ เมื่อเวลาผ่านไปอาจหมุนเงินไม่ทัน ทำให้อาจรับภาระค่าผ่อนไม่ไหว ในขณะเดียวกันก็อาจต้องเผชิญหน้ากับอัตราดอกเบี้ยการผ่อนที่สูงขึ้นด้วย จึงเหมือนยิ่งซ้ำเติมให้ชีวิตลำบาก ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ การทำรีไฟแนนซ์ คือหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยคลี่คลายปัญหา และปลดล็อกเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านผ่อนคอนโดได้เป็นอย่างดี

  1. ทำความเข้าใจรีไฟแนนซ์ เพื่อปลดภาระอันหนักอึ้ง

    เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคุ้นหูกับคำว่า “รีไฟแนนซ์” กันอยู่บ้าง แต่ก็อาจจะมีบางคนที่ยังไม่ได้เข้าใจทั้งหมดว่ารีไฟแนนซ์คืออะไร โดยนิยามของการรีไฟแนนซ์ (Refinance) นั้น ก็คือ การโปะหนี้เก่าด้วยหนี้ใหม่ เป็นการขอกู้เงินจากธนาคารเดิม หรือธนาคารใหม่ก็ได้ เพื่อนำเงินมาใช้ในการจบหนี้เดิม ที่เรารับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว โดยหัวใจสำคัญของการรีไฟแนนซ์นั้น คือการทำเพื่อให้เราผ่อนสบายขึ้น ภายใต้ดอกเบี้ยที่ต่ำลง นั่นเอง

  2. ข้อดีของการทำรีไฟแนนซ์มีอะไรบ้าง

    ประโยชน์หลัก ๆ ที่ผู้ผ่อนคอนโดหรือบ้านจะได้รับจากการทำรีไฟแนนซ์ ก็คือ การได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง เพราะเราสามารถเจรจาต่อรอง และขอเลือกดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ได้ ซึ่งจะทำให้ภาระค่างวดที่ผ่อนนั้นปรับลดลงตามไปด้วย รวมถึงยังได้เงินส่วนต่างจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงนำไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ได้อีก ในขณะเดียวกันก็จะช่วยยืดระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานออกไปได้ด้วย ซึ่งแม้บางคนจะมองว่าการต้องผ่อนนานขึ้นเป็นข้อเสีย แต่ถ้าเทียบกันแล้วว่าทำให้ภาระผ่อนต่อเดือนลดน้อยลงได้ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะจะทำให้เรามีระยะเวลาในการบริหารจัดการเงินในชีวิตประจำวันให้เพียงพอใช้จ่ายได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น

  3. สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจก่อนรีไฟแนนซ์

    เมื่อทราบข้อดีของการทำรีไฟแนนซ์บ้านหรือคอนโดแล้ว หลาย ๆ คนก็น่าจะเริ่มอยากทำรีไฟแนนซ์เพื่อลดภาระค่าผ่อนกันให้เร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ก็มีสิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจและคำนึงถึงให้มากก่อนทำรีไฟแนนซ์เช่นกัน โดยแบ่งออกได้เป็น 3 ข้อหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

    1. ต้องตรวจสอบสัญญากู้เดิมก่อนว่ากำหนดให้รีไฟแนนซ์ได้เมื่อไร เพราะหากยังไม่ครบกำหนดระยะเวลาก็จะไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะทำได้ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป
    2. ต้องเลือกธนาคารให้ดีที่ทำให้เราได้รับผลประโยชน์ที่คุ้มค่าที่สุดจากการทำรีไฟแนนซ์ โดยโฟกัสไปที่อัตราดอกเบี้ยที่ต้องต่ำลงและโปรโมชั่นสินเชื่อต่าง ๆ ของแต่ละธนาคาร ซึ่งอาจเริ่มต้นคุยกับธนาคารเดิมก่อนก็ได้ และเปรียบเทียบกับธนาคารอื่น ๆ เพื่อตัดสินใจ
    3. คำนวณค่าใช้จ่ายในการทำรีไฟแนนซ์ให้ดี เพราะการทำรีไฟแนนซ์มีสิ่งที่ต้องจ่ายหลายอย่างด้วยกัน อาทิ ค่าประเมินหลักประกัน ค่าธรรมเนียมในการปล่อยกู้ใหม่ ค่าอากรณ์แสตมป์ ค่าจดจำนอง เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะต้องคำนวณความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับประโยชน์ในการผ่อนที่เบาลงแล้ว ก็จำเป็นต้องวางแผนเผื่อด้วยว่าเรามีค่าใช้จ่ายในการทำรีไฟแนนซ์พอหรือไม่ในช่วงเวลานั้น ๆ เพื่อรักษาสภาพคล่องเอาไว้ให้ยังคงมีเงินใช้จ่ายเพียงพอในชีวิตประจำวัน

การทำรีไฟแนนซ์ถือเป็นหนึ่งในวิธีการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านและคอนโดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ค่างวดผ่อนน้อยลง และมีสภาพคล่องทางการเงินในชีวิตดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องประเมินค่าใช้จ่ายให้ดี รวมถึงต้องมีความใจเย็นมากพอที่จะเปรียบเทียบข้อมูลสินเชื่อใหม่ของหลาย ๆ ธนาคารด้วย เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการทำรีไฟแนนซ์สูงที่สุด นอกจากนั้นแล้ว การยื่นเรื่องขอทำรีไฟแนนซ์จะประสบความสำเร็จ ได้รับการอนุมัติผ่านหรือไม่ ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับการเตรียมเอกสารให้พร้อม รวมถึงประวัติการชำระเงินและสถานะการเงินของเราด้วยว่าดีมากน้อยแค่ไหน เพราะในมุมหนึ่งนั้นการรีไฟแนนซ์ก็คือการขออนุมัติสินเชื่อ ที่จะผ่านหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเครดิตการเงินส่วนบุคคลเป็นสำคัญ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

BuffaloMoney

GHBank

KrungSriPlearn



สมัครเป็นสมาชิกเว็บ REIC

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

รู้ข้อมูลอสังหาฯ ก่อนใคร

สมัครได้ฟรี ไม่มีเงื่อนไข

เพื่อให้การซื้อ-ลงทุนที่อยู่อาศัย

เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด

.

.

สมัครเลยที่

https://www.reic.or.th/Member/RegisterGeneral

.

.

------------------------

ติดตามศูนย์ข้อมูลฯ เพิ่มเติมได้ที่

 Website : www.reic.or.th

 Twitter : www.twitter.com/REICFan

 Youtube : www.youtube.com/user/REICPR

 Line : @REICFan

#ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ #REIC

Tags :  Refinance ผ่อนบ้านและคอนโด รีไฟแนนซ์