“ออลล์ อินสไปร์” มั่นใจยอดขายปีนี้มาตามนัด 8,000 ล้านบาท เดินหน้าเปิดขายโครงการต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมขายโครงการ ดิ เอ็กเซล รัชดา 18 มูลค่า 800 ล้านบาท ช่วงปลาย ก.ค.นี้

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขาย (Presale) เติบโต 8,000 ล้านบาท และยังคงแผนเปิดขายโครงการใหม่รวมจำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเปิดขายโครงการใหม่แล้ว จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,400 ล้านบาท มียอดขายเฉลี่ยรวม 85% ของมูลค่าโครงการ ประกอบด้วย โครงการ อิมเพรสชั่น ภูเก็ต (Impression Phuket), โครงการดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ รัชดา-ห้วยขวาง (The Excel Hideaway Ratchada–Huai Khwang) และโครงการไรส์ พหล-อินทามระ (Rise Phahon–Inthamara)

ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5,600 ล้านบาท เพื่อผลักดันยอดขายทั้งปีให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 3 โครงการ และโครงการทาวน์เฮาส์จำนวน 1 โครงการ

โดยจะเริ่มเปิดขายโครงการ ดิ เอ็กเซล รัชดา 18 (The Excel Ratchada 18) มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งจะเปิดขายผ่าน Online Booking ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 จำนวน 25 ยูนิต ชั้น 3 คิดเป็น 10% ของมูลค่าโครงการ บริษัทคาดจะสามารถปิดการขายได้ภายในช่วงเวลาที่เปิดขาย และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 กรกฎาคม 2561 ที่โรงแรม พูลแมน กรุงเทพ แกรนด์ สุขุมวิท ซึ่งจะเปิดขายเกือบทั้งหมด แต่แบ่งสัดส่วน 10% ไว้ขายในช่วง Grand Opening ทั้งนี้ สัดส่วนการขายภายในโครงการจะแบ่งเป็นลูกค้าชาวไทย 60% และลูกค้าชาวต่างชาติ 40%

สำหรับโครงการ ดิ เอ็กเซล รัชดา 18 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 2 อาคาร รวมห้องชุดอาศัยจำนวน 270 ยูนิต มีห้องให้เลือก 2 ประเภท คือ 1 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 25-29 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 39-41 ตารางเมตร ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000-90,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราคาขายเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาทต่อยูนิต

นายธนากร กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท มียอดขายเฉลี่ยแล้วประมาณ 90% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด ได้แก่ โครงการดิ เอ็กเซล กรูฟ ลาซาล 52 และโครงการไรส์ พระราม 9 ขณะเดียวกัน ปัจจุบันบริษัทยังมีสินค้าพร้อมขาย (สต๊อก) ในมือไม่ถึง 100 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 200-300 ล้านบาท

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และยื่นแบบคำขอให้รับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)