ประธานแบงก์ ธอส.เผยคลังเตรียมออกกฎหมายจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาฯเป็นนิติบุคคล หวังให้รวบรวมข้อมูลบ้านใหม่-มือสอง นายทะเบียนรับจดทะเบียนนายหน้า พร้อมเผย 5 เดือน ธอส.ปล่อยกู้ 8 หมื่นล้านคาดสิ้นปีปล่อยกู้ทะลุเป้า 2 แสนล้านบาท ด้านศูนย์ข้อมูลฯเผยสิ้นปี 60 ที่อยู่อาศัยเหลือขาย 142,860 หน่วย มูลค่า 549,807 ล้านบาท

วานนี้ (31 พ.ค.61) ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ จัดงานสัมมนาสถานการณ์ ตลาดที่อยู่อาศัย กรุงเทพฯ-ปริมณฑล โดยนายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานคณะกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และประธานอำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังมีแผนที่จะยกระดับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นองค์กรมหาชน โดยมีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหา- ริมทรัพย์เป็นนิติบุคคล เช่นเดียวกับบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ซึ่งจะต้องมีการยกร่างกฎหมายการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาใหม่ โดยจะเร่งให้มีการจัดตั้งได้ภายในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งในอนาคตศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขอบข่ายการทำงานมากขึ้น นอกจากรวบรวมข้อมูลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบ้านใหม่แล้ว ต่อไปจะรวบรวมข้อมูลบ้านมือสอง รวมถึงทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนจดทะเบียนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ จัดทำข้อมูลในส่วนของโรงแรมด้วย

สำหรับแนวทางการจัดตั้งศูนย์ข้อมูล อสังหาฯ เป็นนิติบุคคล จะต้องร่างกฎหมาย การจัดตั้ง ส่วนเจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯจะถูกโยกมาเป็นพนักงานของ ธอส. แต่ยังทำหน้าที่เดิม รวมถึงทำหน้าที่ของ ธอส. ด้วย และภายหลังจากก่อตั้งศูนย์ข้อมูลเป็นนิติบุคคลแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลสามารถย้ายมาเป็นพนักงานศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ หรือจะยังคงเป็นพนักงานของ ธอส.ได้ตามความสมัครใจ

ธอส.คาดปล่อยกู้ปี 61 ทะลุ 2 แสนล้าน

นายสุรชัยกล่าวต่อว่า ในปี 2561 แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะตลาด ภูมิภาค เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นทำ ให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจึงตัดสินใจซื้อบ้าน จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้เชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะสามารถขยายตัวได้ประมาณ 5%

สำหรับ ธอส.ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 80,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ทำให้เชื่อว่าทั้งปีจะสามรถปล่อยสินเชื่อปล่อยใหม่ได้เกินกว่า 200,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ในปี 2561 จำนวน 19,000 ล้านบาท

บ้าน-คอนโดฯ ค้างสต๊อก 5 แสนล้าน

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์ 2 ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ณ สิ้นปี 2560 นับเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วยต่อโครงการ พบว่า มีจำนวนโครงการที่อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 1,584 โครงการ มีจำนวนหน่วยในผังรวม 458,943 หน่วย และมีมูลค่าโครงการรวม 1,764,603 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นอุปทานเหลือขาย จำนวน 142,860 หน่วย มูลค่ารวม 549,807 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร จำนวน 80,449 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 56.3 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด มูลค่าเหลือขายรวม 340,302 ล้านบาท, โครงการอาคารชุดเหลือขาย จำนวน 62,441 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43.7 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด มูลค่าเหลือขายรวม 209,504 ล้านบาท

สำหรับในปี 2561 ศูนย์ข้อมูลฯได้ประมาณการอุปทานเหลือขายที่อยู่อาศัยในตลาด กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประมาณ 145,099 หน่วย ประกอบด้วย บ้านแนวราบ 80,490 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 55.5 และ อาคารชุดมีประมาณ 64,609 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 45.5 โดยประมาณการว่าหน่วยที่เหลือขายมากที่สุด คือ อาคารชุดร้อยละ 44.5 รองลงมาเป็นทาวน์เฮาส์ร้อยละ 32.4 บ้านเดี่ยวร้อยละ 16.0% ที่เหลือเป็น บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์

บิ๊กอสังหาฯ แนะลงทุน

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า กลยุทธ์ดำเนินธุรกิจที่อยู่อาศัยผ่านมุมมองบริษัทมหาชน ไม่ได้ต่างจากบริษัททั่วไป ซึ่งบริษัทบริษัทมหาชนมีตัวชี้วัดเยอะตลาดหลักทรัพย์ต้องการให้รายงานรวมถึงนักวิเคราะห์ ต้อง ให้รายงานออกมาดี บริษัทมหาชนต้องเติบโตอย่างระมัดระวัง อสังหาฯต้องพัฒนา โครงการใหม่ๆ การซื้อที่ดินต้องเหมาะสมกับเป้าหมายรายได้ ซึ่งนับวันข้อมูลสำคัญที่สุด เทคโนโลยีเข้ามาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีในการก่อสร้าง การประหยัดพลังงาน การทำตลาดออนไลน์ คริปโต ผู้ประกอบการต้องมีความพร้อม ต้องประเมิน ศักยภาพตนเอง และอย่ามองโลกในแง่ดีด้านเดียว อสังหาริมทรัพย์มีจุดตายคือเรื่องของกฎหมายถ้าไม่เข้าใจต้องศึกษาให้ รู้เรื่อง ต้องบริหารจัดการได้ เราอ่อนตรงจุดไหนต้องหาวิธีทำให้บรรลุเป้า ต้องทำให้มีเรื่องราวความสำเร็จใหม่ๆ ต้องเอาแบรนด์ ไปอยู่ในใจของลูกค้าไม่ใช่เรื่องของการโฆษณา เป็นการทำสินค้าคุณภาพทำด้วยใจ