“ปริญสิริ” กางแผนปีนี้เตรียมเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3,772 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 120 ล้านบาท พร้อมตุนสต๊อกกว่า 8,100 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้-ยอดขายปีนี้โต 5%

นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโสสำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้และยอดขาย (Presale) จะเติบโตประมาณ 5% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,218.14 ล้านบาท และมียอดขาย 2,900 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลยอดขายและรายได้ในช่วงไตรมาส 1/2561 คาดว่าจะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในช่วงสัปดาห์หน้า โดยล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด ซึ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบทั้งหมด

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 8,100 ล้านบาท เป็นสินค้าจากโครงการแนวราบประมาณ 80% ของพอร์ตสินค้ารวม และจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 20% ของพอร์ตสินค้ารวม ซึ่งสต๊อกดังกล่าวอยู่ระหว่างการขายและพัฒนาจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ทันทีหลังจากการขาย

โดยบริษัทมีแผนจะเปิดขายโครงการใหม่ในปีนี้ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,772 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการ 2,835 ล้านบาท และเป็นโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการ 937 ล้านบาท เป็นโครงการในทำเลใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีบางพลู และในทำเลรัตนาธิเบศร์ ซึ่งปัจจุบันทั้ง 6 โครงการ มีที่ดินรองรับการพัฒนาแล้วทั้งหมด และจะเริ่มทยอยเปิดตั้งแต่ไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ และภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากสถานการณ์ตลาดไม่เอื้อต่อการทำการตลาด บริษัทจะปรับแผนการเปิดโครงการทันที เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงการเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงทรงตัว

“เป้าหมายรายได้และยอดขายในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% จากการเปิดขายโครงการใหม่ ซึ่งในปีนี้เรามีแผนเปิดขายโครงการใหม่ จำนวน 6 โครงการ จะทยอยเปิดขายในช่วงไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ โครงการที่เปิดในปีนี้เป็นโครงการที่เลื่อนเปิดมาจากปีก่อนที่เรามีแผนเปิดตัว 4 โครงการใหม่ แต่สามารถเปิดจริงได้เพียง 1 โครงการ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้อต่อธุรกิจ นอกจากนี้เรายังมีการขายโครงการเก่าในมืออย่างต่อเนื่องด้วย” นายชัยรัตน์ กล่าว

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังคงทรงตัว เนื่องจากสถาบันการเงินยังเข้มงวดในเรื่องการปล่อยสินเชื่อ ผู้บริโภคเข้าถึงสินเชื่อยาก ขณะเดียวกันยังมียอดปฏิเสธสินเชื่อ (reject) ยังอยู่ในอัตราที่สูง เนื่องจากหนี้สินครัวเรือนของประชากรยังคงสูง ปัจจุบันยอดปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทอยู่ที่ระดับมากกว่า 20% ใกล้เคียงกับภาพรวมตลาด ซึ่งกลุ่มลูกค้าของบริษัทอยู่ในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ราคาขายจะอยู่ที่ 2-7 ล้านบาท