แนวโน้มตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 สดใส นายกสมาคมอาคารชุดไทย ชี้ตลาดไฮเอนด์มาแรง ราคาสูง เน้นทำเลหลัก มองต่างทำเลแนวรถไฟฟ้ายังไม่เด่น หวั่นทาแล้วขายไม่ออก

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวถึง ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 2-ช่วงครึ่งหลังปี 2561 ของไทย ว่าแนวโน้มน่าจะมีความสอดคล้องกับช่วงไตรมาสแรกที่การซื้อ-ขายและการเปิดโครงการใหม่เป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากมีมูลค่าโครงการเปิดขายใหม่อยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท  โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมในตลาดกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่พบว่าเติบโตประมาณ 27% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2560 จำนวน 7.1 หมื่นล้านบาท  ซึ่งมาจากสัดส่วนของโครงการระดับบนขนาดใหญ่ กลุ่มไฮเอนด์, ลักชัวรี เป็นหลัก หน่วยไม่มากแต่ต่อหน่วยมีราคาแพง และยังมาจากกลุ่มฟรีโฮลด์-ลีสโฮลด์ด้วย

ในส่วนแนวโน้มรูปแบบโครงการเปิดใหม่ในไตรมาส 2 นั้น มองว่ายังอยู่ในตลาดบนเป็นหลัก และยังอยู่บนทำเลย่านธุรกิจ หรือ CBD เช่น สุขุมวิท สาทร หลังสวน วิทยุ ในราคา 2.5  แสนบาทขึ้นไปต่อตารางเมตร โดยลูกค้าเป็นทั้งกลุ่มคนไทยและกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายย่อย เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ขณะที่การเติบโตของระบบขนส่งมวลชนผ่านโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆนั้นมีผลต่อตลาดคอนโดฯ หรือไม่ นายประเสริฐระบุว่าขณะนี้ยังไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยน แปลง  เนื่องจากต้องรอให้พื้นที่มีการพัฒนาต่ออีก อย่างน้อย 2-3 ปี

"เริ่มเห็นอุปสรรคของนักลงทุนแล้ว เพราะราคาที่ดินมันวิ่งไปไกล แขวนอยู่ระหว่างทาวน์เฮ้าส์กับบ้านเดี่ยว จึงยังไม่เห็นความคุ้มค่าในการเปิดโครงการใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดฯ  ยังไม่รู้ทำแล้วจะรอดไหม หลังจากพื้นที่มันยังเจริญหรือมีศักยภาพไม่พอ อีกอย่างโครงการรถไฟฟ้าสายนั้นๆ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เช่น สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง กลัวซ้ำรอยเดิมสายสีม่วง"

ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องจับตาสำหรับผู้ประกอบการหลักๆ คืออัตราดอกเบี้ยที่มีผลผูกพันกับกำลังซื้อของผู้บริโภค และต้นทุนของผู้ประกอบการ เนื่องจากดอกเบี้ยอยู่ในอัตรา ต่ำมายาวนาน หากมีการปรับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้เพียง 1% ก็จะมีผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงถึง 8% ขณะที่ต้นทุนของผู้ประกอบการอาจพุ่งถึง 50% ด้วยซ้ำ