ผู้ถือหุ้นเปลี่ยนมือไม่กระทบ ปีนี้เปิดใหม่ 3 โครงการ

ไรมอน แลนด์ มั่นใจ ผู้ถือหุ้นใหญ่เปลี่ยนมือไม่กระทบแผนธุรกิจ พร้อมจับมือพันธมิตรญี่ปุ่น ปั้นอสังหาไฮเอนด์ ดันรายได้ 5 ปีทะลุ 1 หมื่นล้านบาท

นายสถาพร อมรวรพักตร์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่นายจิรวุฒิ ศุวานันท์ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทจาก 315 ล้านหุ้น หรือ 8.8% มาอยู่ที่ 690 ล้านหุ้นหรือ 19.30% จะไม่ส่งผลกระทบกับการบริหารงาน เนื่องจากนายจิรวุฒิ เคยดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการบริษัทเมื่อหลายปีก่อน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัท

"การเข้ามาถือหุ้นเพิ่มขึ้นของคุณจิรวุฒิ ประเมินว่าจะไม่ส่งกระทบกับการบริหารงาน บริษัท  เพราะในอดีตก็ดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการบริษัทเมื่อ 3 ปี ก่อน แต่ก็ลาออกไปด้วยเหตุผลที่ว่ามีภารกิจมาก ไม่สามารถดำรงตำแหน่งในบริษัทได้ และไม่ได้ส่งตัวแทนเข้ามานั่งในคณะกรรมการบริษัทแต่อย่างใด"

การเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มเติมในครั้งนี้ บริษัทไม่ได้รับการติดต่อมาก่อน ซึ่งบริษัทยอมรับว่าแปลกใจกับการเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่ม แต่ที่ผ่านมานายจิรวุฒิ เป็นนักลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้วและถือหุ้นใน หลายบริษัท โดยหลังจากนี้เชื่อว่าทีมบริหารน่าจะมีการพูดคุยกับผู้ถือหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีกำหนดที่จะประชุมสามัญ ผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 เม.ย.นี้

ราคาหุ้นไรมอนแลนด์ ปิดตลาดวานนี้ (19 เม.ย.) ที่ 1.19 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 4.39%

          สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ ประเมินว่ารายได้ของบริษัทน่าจะ ทรงตัวหรือลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 3 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้  4 พันล้านบาท และสต็อก เหลือขายประมาณ 5 พันล้านบาท โดยในปีนี้มีแผนจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 2 โครงการ และโครงการออฟฟิศให้เช่าอีก 1 โครงการ โดยการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายนั้น บริษัทจะเน้นกลุ่มคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ในราคา 10-20 ล้านบาทขึ้นไป

วานนี้ไรมอนแลนด์จับมือกับบริษัทโตเกียว ทาเมโมโนะ จากประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัทลูกเพื่อเข้าลงทุน โดยบริษัท จะถือหุ้น 51% และกลุ่มโตเกียว ทาเมโมโนะ ถือหุ้น 49% ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ในย่านสุขุมวิท และสาทร มูลค่า 9 พันล้านบาท เน้น เจาะตลาดลูกค้าระดับบนที่ยังมีกำลังซื้อ มากขึ้น และในอนาคตจะขยายโอกาส การลงทุนร่วมกันเพิ่มขึ้น เพื่อให้บริษัทสามารถขยายการเติบโตได้ตามเป้าหมาย ที่จะมีรายได้ในปี 2566 หรือในอีก 5 ปี แตะระดับ 1-1.2 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจในด้านอื่นๆมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ประจำ ให้กับบริษัท อยู่ระหว่างการศึกษาลงทุน ในธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่ารวมถึง ธุรกิจโรงแรมมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัท มีรายได้ประจำอยู่ที่ 5% ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 30% ภายใน 5 ปี

นายเอเดรียน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไรมอน แลนด์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายโครงการในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่มีการเติบโตสูง ทั้งเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี และเขตพื้นที่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ

"บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาขยายพื้นที่ ก่อสร้างไปในเขตที่มีการเติบโตสูง ทั้ง ในพื้นที่อีอีซี รวมถึงพื้นที่ที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ชลบุรี หัวหิน และ ภูเก็ต ซึ่งคาดหวังว่าน่าจะได้เห็นความชัดเจนภายใน 5 ปีข้างหน้า"

นอกจากนี้บริษัทยังหาโอกาสเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นๆอย่างต่อเนื่องเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสังคมผู้สูงอายุ รวมถึง การขยายรายได้จากธุรกิจอาหารโดยที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดร้านอาหารในประเทศสิงคโปร์ก็ได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งเป็นโอกาส ให้บริษัทกระจายรายได้เพิ่มขึ้น