SC ยอดขายรอโอน 9.7 พันล้านบาท เดินหน้าเปิด 19 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้า 3 ปียอดขายรวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท พร้อมอัดงบ 1,000 ล้านบาท ซื้ออพาร์ตเมนต์ในสหรัฐ คาดสรุปในครึ่งปีหลัง มอง IRR สูงกว่า 15% ย้ำ 3 ปีไร้แผนเพิ่มทุน

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 1/2561 คาดมีทิศทางที่ดี ยอดขายน่าจะดีกว่าไตรมาสก่อน ปัจจุบันทำได้ 3,000 ล้านบาท จากโครงการ เซ็นทริค รัชโยธิน มูลค่า 1,500 ล้านบาท ยอดพรีเซลสูงถึง 70% ส่วนยอดขายรอโอน อยู่ที่ 9,700 ล้านบาท พร้อมโอนปีนี้ 50% อีก 50% ที่เหลือโอนในปี 2562-63 เฉลี่ยปีละ 25% ส่งผลให้รายได้ทั้งปีคาดทำได้ 17,000 ล้านบาท พร้อมเปิด 19 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท และแนวสูง 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท เตรียมงบซื้อที่ดินในปีนี้ 9,000 ล้านบาทเน้นซื้อในเขตกรุงเทพฯ

บุกซื้ออพาร์ตเมนต์สหรัฐ

นอกจากนี้ บริษัท เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (SC ALPHA) ซึ่ง SC ถือหุ้น 100% เตรียมเข้าซื้ออพาร์ตเมนต์ในสหรัฐอเมริกา ในเบื้องต้นวางงบลงทุนราว 1,000 ล้านบาท คาดสร้างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 15% โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในครึ่งหลังของปีนี้

"รูปแบบการลงทุนครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน บริษัทจะเข้าซื้อพร็อพเพอร์ตี้ที่มีความเหมาะสม แล้วนำมารีโนเวต เพื่อยกระดับอัตราค่าเช่าให้เพิ่มขึ้น เมื่อเราบริหารสักระยะหนึ่ง มองเห็นมูลค่าพร็อพเพอร์ตี้หากมีแคปปิตอลเกนเกิดขึ้นอาจจะขายทำกำไร ตอนนี้ก็มอง 25 เมืองเป้าหมายที่คาดว่าจะมีศักยภาพในการเติบโต และสามารถทำรายได้ ให้แก่เราในอนาคต" นายอรรถพลกล่าว

อย่างไรก็ดี บริษัทตั้งเป้าการเติบโตในระยะ 3 ปี (61-63) ตั้งเป้ายอดขาย 24,000 ล้านบาท รายได้ 22,000 ล้านบาท ในปี 2563 และยอดขายรวม 3 ปี (61-63) มากกว่า 60,000 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นโครงการแนวราบ 65% โครงการคอนโด 30% และโครงการออฟฟิศ 5% ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีนี้บริษัทไม่มีแผนเพิ่มทุน เนื่องจากมีกระแสเงินทุนเพียงพอ มีเงินกู้จากธนาคาร และไม่มีแผนเข้าซื้อกิจการอื่นๆ

เชียร์ซื้อ-เป้า 4.43 บาท

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า SC เปิดตัวบริษัทลงทุนใหม่ เป็นบริษัทย่อย ชื่อ SC Alpha Inc. ที่สหรัฐ โดย SC ถือหุ้น 100% เพื่อเป็นแหล่งรายได้ค่าเช่าใหม่ และช่วยกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนในอสังหาเพื่อปล่อยเช่า แต่อาจจะมีการปรับปรุงใหม่ให้สวยงามก่อน เพื่อปรับขึ้นค่าเช่าได้ ด้วยกลยุทธ์บริหารเก็บรายได้ค่าเช่าก่อน และเมื่อมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มก็จะขายทำกำไรได้ ด้านงบประมาณการลงทุนคือ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 3 ปี บริษัทคาดว่าจะซื้อได้ราวไตรมาส 3-4 ของปีนี้ และกว่าจะปรับปรุงตกแต่งเสร็จและปล่อยเช่าตั้งแต่กลาง ปี 2562

โดยกลยุทธ์ปีนี้คือเปิดขาย 19 โครงการใหม่ มูลค่า 19 พันล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 17 โครงการ และคอนโด 2 โครงการ ด้านสินค้าจะมีการจับตลาดโครงการแบบ Township Concept คือ เป็นเมืองขนาดใหญ่เตรียมพื้นที่ 2 แปลงคือ บางกระดี่ จำนวน 200 ไร่ ทั้งหมด 7 โครงการ แต่เปิดขายปีนี้ 2 โครงการ บริษัทคาดว่าจะใช้เวลาปิดโครงการประมาณ 7 ปี และกรุงเทพกรีฑา จำนวน 115 ไร่ ทั้งหมดมี 5 โครงการ แต่เปิดขายปีนี้ 3 โครงการ บริษัทคาดว่าจะใช้เวลาปิดโครงการประมาณ 5 ปี นอกจากนี้มีการขยายไปต่างจังหวัดในเขตระเบียงเศรษฐกิจ (EEC) คือ ฉะเชิงเทราเป็นครั้งแรกจำนวน 2 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว แบรนด์ PAVE คือ บ้านโพ และบางปะกง ส่วนงบเงินลงทุนปีนี้จะใช้ทั้งหมดที่ 10 พันล้านบาท คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 4.43 บาท