ตลาดโฮมออฟฟิศดีมานด์พุ่ง เจ้าของธุรกิจหันซื้อแทนเช่า
ไนท์แฟรงค์ เผยตลาดสำนักงานกลางเมืองขาดแคลน พื้นที่เช่าอาคารใหม่ราคาพุ่งแนะซื้อโฮมออฟฟิศคุ้มลงทุนระยะยาว
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ความต้องการพื้นที่สำนักงานทำเลกลางเมืองเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอัตราค่าเช่าอาคารสำนักงาน เกรดเอในพื้นที่กลางเมืองค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 700 บาท/ตารางเมตร (ตร.ม.)/เดือน และแนวโน้มอัตราค่าเช่าจะปรับสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท/ตร.ม./เดือน เนื่องจากพื้นที่สำนักงานยังคงขาดแคลน จึงทำให้บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางต้องลงทุนโดยการซื้อโฮมออฟฟิศ หรือมินิออฟฟิศ ซึ่งการลงทุนรูปแบบนี้จะสามารถควบคุมต้นทุนได้ เนื่องจากสามารถผ่อนชำระเงินกับสถาบันการเงินได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 7-10 ปี
ปัจจุบันทำเลพระราม 9 รามคำแหง ประดิษฐ์มนูธรรม (เอกมัย-รามอินทรา) และศรีนครินทร์ นับเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการพัฒนาโฮมออฟฟิศ เนื่องจากใกล้ตัวเมืองและเป็นเขตรอยต่อของย่านธุรกิจ รัชดา พระราม 9 ทองหล่อและสุขุมวิทใกล้กับแอร์พอร์ตลิงค์ มอเตอร์เวย์ ทางด้านฉลองรัชและทางด่วนศรีรัช และยังใกล้กับศูนย์ราชการ โรงพยาบาลและสถานศึกษาสำคัญหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าวสำโรง รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อหัวหมาก และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชันมีนบุรี
สำหรับอุปทานตลาดโฮมออฟฟิศบริเวณพระราม 9 รามคำแหง ประดิษฐ์มนูธรรม ศรีนครินทร์ จากปี 2554 ถึงเดือน ก.พ. 2561 มีจำนวนอุปทานสะสมทั้งสิ้น 1,461 ยูนิต โดยอุปทานใหม่ตั้งแต่ปี 2558-2560 อยู่ระดับคงตัวเฉลี่ย 215 ยูนิต/ปี ในขณะที่ 2 เดือนแรกของปีนี้ มีอุปทานใหม่เพียง 8 ยูนิต ขณะที่อุปสงค์โฮมออฟฟิศที่เปิดขายในย่านดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อปัจจุบันขายไปแล้ว 80%
ด้าน นายธนสิทธิ์ เฟื่องไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า ได้เปิดตัวโครงการ ดิเอเลเมนท์ พระราม 9 มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้องการขยายธุรกิจ และอยู่อาศัยภายในตัว ซึ่งสามารถรองรับพนักงานได้ประมาณ 25-30 คน
"โครงการดังกล่าวได้เปิดขายเฟสแรกตั้งแต่ปลายปี 2559 จำนวน 14 ยูนิต ปัจจุบันขายไปได้แล้ว 11 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยจะเริ่มโอนให้กับผู้ซื้อได้ในเดือน เม.ย.นี้ พร้อมกับเปิดขายเฟส 2 อีกจำนวน 13 ยูนิต โดยได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นเป็น 26.9-40 ล้านบาท หรือปรับราคาขายเพิ่มขึ้นราว 20% โดยคาดว่าทั้งหมดจะสามารถปิดการขายได้ภายในปีนี้" นายธนสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาที่ดินในทำเลใหม่ๆ เพื่อลงทุน ต่อเนื่อง โดยจะพัฒนาโครงการที่จับตลาดระดับไฮเอนด์โดยเฉพาะหรือมีราคาขายต่อยูนิตตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป ในย่านทองหล่อและเอกมัย เนื่องจากพิจารณาแล้วพบว่าความต้องการยังมีอยู่มาก