A ปักเป้ารายได้ปี 2561 แตะ 7.5 พันล้านบาท หรือ เติบโต 30% ตุนงานในมือกว่า 3 พันล้านบาท พร้อมเคาะยอดขายที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบจากปีก่อน 1.1 หมื่นล้านบาท ลุยเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท  มองตลาดอสังหาเติบโต อัดแคมเปญกระตุ้นยอด

นายอาณัติ ปิ่นรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ A เปิดเผยว่าบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2561 เติบโต 30% หรือมาอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) โครงการแนวราบที่ 500-600 ล้านบาท และโครงการแนวสูงที่ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งโครงการแนวราบจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด ส่วนโครงการแนวสูงจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2562-2563

เปิดโครงการมูลค่า 1 หมื่นล้าน

พร้อมกันนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 25% ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 1 โครงการส่วนที่เหลือเป็นโครงการแนวสูง นอกจากนี้บริษัทยังมีสต๊อกเหลือขายอีกว่า 3 พันล้านบาท

อีกทั้งปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินกว่า 800 ล้านบาทเพื่อใช้ซื้อที่ดินรองกับการพัฒนาโดยตั้งแต่ต้นปีใช้งบสำหรับการซื้อที่ดินไปแล้ว 200 ล้านบาท โดยยังเน้นพื้นที่บริเวณบางนาและเกษตรนวมินทร์ ซึ่งยังมองว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ

"ปีที่ผ่านมายอมรับว่ายอดการโอนค่อนข้างยาก แต่ปีนี้เราก็เดินหน้าในการเปิดโครงการ รวมไปถึงการกระตุ้นยอดขายด้วยการจัดแคมเปญต่างๆ ทำให้เชื่อว่าปีนี้น่าจะกลับมาเป็นปีที่ดีได้ ซึ่งระดับราคาขายสินค้าของเรามีเฉลี่ยตั้งแต่ 15 ล้านบาทถึง 50 ล้านบาท แต่ปีนี้เราคงมาเน้นการดูแลเรื่องคุณภาพกันมากขึ้นเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจที่สุด" นายอาณัติกล่าว

ตลาดอสังหายังโต

สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้บริษัทมองว่ายังสามารถเติบโตได้แต่อัตราการเติบโตอาจจะไม่ได้สูงมากนัก  ซึ่งอาจจะต้องพิจารณาเป็นในบางพื้นที่หรือโครงการ ส่วนทางบริษัทในแง่ของยอดขายถือว่ามีการเติบโตที่ แต่ในด้านการโอนอาจจะไม่สูงมากนัก จากยอดปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูง จากปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน แต่โดยรวมแล้วภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับที่ดี อย่างไรก็ดีบริษัทยังมีการจัดแคมเปญเพื่อการกระตุ้นยอดขาย ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมีการจัดแคมเปญไปแล้ว 1 แคมเปญ คือช่วยผ่อน 3 ปี และจะมีการจัดแคมเปญอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทใช้งบการตลาดของโครงการแนวราบราว 3% ส่วนแนวสูงอยู่ที่ 6-7%

พร้อมกันนี้บริษัทยังเน้นกลยุทธ์ในการดำเนินงานด้วยการ เลือกโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่,มีศักยภาพ เช่น อยู่กลางใจเมือง การคมนาคมสะดวก มีระบบขนส่งมวลชนสมัยใหม่ เป็นต้น ลูกค้าสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ง่าย มีอุปกรณ์ตกแต่งที่ คัดสรรอยางดีให้พร้อมกัน หรือสามารถเลือกหาเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งที่มีคุณภาพเพิ่มเติมได้ รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีการก่อสร้างแบบใหม่เข้ามาใช้ในการก่อสร้าง อีกทั้งพัฒนาโครงการให้ครบทุกรูปแบบเพื่อเป็นการสอดรับการขยายตัวทางธุรกิจ และยังเน้นเรื่องบริการหลังการขาย

ด้านนางสาวศศิมา หัตถกิจนิกร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึงสัญญาณเทคนิคหุ้นพบว่าปริมาณการซื้อขายเบาบางดังนั้นแนะนำนักลงทุนซื้อขายในกรอบ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 6.50-6.80 บาท