PSH หวังยอดโอนปีหน้าแตะ 5.6 หมื่นล้านบาท เดินหน้ารุกคอนโดพรีเมียม ควบคู่การลงตลาด EEC ปักธง 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เกาะทำเลนิคม อุตสาหกรรม พร้อมศึกษาโอกาสอีก 23 จังหวัดทั่วประเทศ หันรุกตลาดออนไลน์มากขึ้น เปิดแอพพลิเคชั่นดันเป็นศูนย์ซื้อขาย 24 ชั่วโมง กูรูชี้สัญญาณเทคนิคเริ่มดี และถือรอปันผลได้ เป้า 24.40 บาท

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดแผนการดำเนินงานปี 2561 บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาขน) หรือ PSH จะเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ โดยรายได้ยังคงเน้นที่โครงการแนวราบ 70% คอนโดมิเนียม 30% ตั้งเป้ายอดโอนเติบโต 10-15% จากปี 2560 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 49,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมียอดโอนแตะ 53,900-56,350 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจ "พรีเมียม"มุ่งเน้นพัฒนาโครงการระดับพรีเมียม บนทำเลศักยภาพ เน้นขายเร็วเจาะเฉพาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้นในปี 2561 ตั้งเป้าพัฒนา 7-8 โครงการต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2560 แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 4-5 โครงการที่เหลือเป็นโครงการแนวราบคาดหวังยอดโอนโต 10% จากปี 2560 ที่มีรายได้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2560 ที่ 10,902 ล้านบาท

บุก 3 จังหวัดรับ EEC

กลุ่มธุรกิจ "แวลู"เตรียมเปิดโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,500 ล้านบาท เป็นสินค้าประเภทบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ รุกออกต่างจังหวัดมากขึ้นโดยเฉพาะ 3 จังหวัดในเขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขณะที่กลุ่มโฮลดิ้ง จะเน้นสร้างรายได้ประจำเข้าบริษัท ขณะนี้อยู่ระหว่างสร้างโรงพยาบาล และศึกษาโครงการศูนย์สุขภาพ รวมถึงเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์

"ปี 2561 บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นเขตพัฒนาโครงการ EEC รวม 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,500 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม คาดว่าจะทยอยเปิดขายได้ตั้งแต่มกราคมปี 2561 และเพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น บริษัทจึงได้ศึกษาความเป็นไปได้จังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น นครราชสีมา นครปฐม และอื่นๆ อีก 23 จังหวัด"

ขายออนไลน์

ด้านกลยุทธ์การขาย นายปิยะ ระบุจะเพิ่มน้ำหนักกว่า 50% ไปกับการขายผ่านออนไลน์ ด้วยแอพพลิเคชั่นต่างๆ โดยอยู่ระหว่างพัฒนาโมเดล "การขาย 24 ชั่วโมง"  ขณะเดียวกัน จะมีการดึงตัวแทนขาย (โบรกเกอร์) ในแต่ละตลาด เข้ามาสนับสนุนการขาย โดยจะมีการจัดสรรสินค้าที่อยู่อาศัยของพฤกษาให้เหมาะสมกับโบรกเกอร์ที่จะเข้าดูแลการขายให้บางส่วน รวมถึงการสร้างแรงจูงใจให้กับสมาชิก (ลูกบ้าน) ของพฤกษา ที่มีการนำแนะลูกค้าเข้าซื้อโครงการ โดยจะได้แต้มเพื่อสะสมในการแลกสิทธิพิเศษ เช่น เงินสด การท่องเที่ยวไปต่างประเทศ การซื้อสินค้าต่างๆ เป็นต้น

ในส่วนของการบริหารลูกค้ากับการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินนั้น โดยภาพรวมสถานการณ์ดีขึ้น เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ โดยเฉลี่ยของพฤกษา ยอดการถูกปฏิเสธสินเชื่อ 10% แต่หากแยกลงประเภทของโครงการแนวราบ จะพบว่า โครงการบ้านเดี่ยวมีอัตราปฏิเสธสินเชื่อประมาณ 30% ซึ่งวิธีการของบริษัท คือ การจับมือกับสถาบันการเงินในการเข้ามาตรวจสอบฐานะลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้กระบวนการขอสินเชื่อเป็นไปอย่างราบรื่น

ถือรอปันผลได้เป้า 24.40 บ.

บล.เอเซีย เวลล์ ระบุว่า การเจาะ Premium โดยให้ CBRE หาลูกค้ามาให้ของ พฤกษา ได้รับผลดี บริษัทจึงเดินหน้าเปิด 2 โครงการในไตรมาส 4/2560 เป็น Low Rise ที่รังสิต 1 โครงการ และ High Rise ที่เอกมัยอีก 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวมที่ 2,919 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และจะเป็นตัว Catalyst เร่งให้ยอด Presales ได้ตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม PSH ยังเผชิญกับ Cancellation Rate ที่สูงจากโครงการแนวราบในระดับราคาที่ 3-5 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบกับยอดโอนรับรู้แต่ละไตรมาสโดยตรง โดยที่ยอดมูลค่าบ้านที่ยังไม่ได้ขายปัจจุบันนั้นสูงถึง 100,878 ล้านบาท เนื่องจากการเปิดโครงการในแนวราบเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และบริษัทยังไม่เน้นการระบายสินค้าออกด้วยการตัดราคา

ฝ่ายวิจัยคาดว่ายอด มูลค่าบ้านที่ยังไม่ได้ขายจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องถึงปี 2561 จึงแนะนำ "ถือ" เพื่อเงินปันผลที่สูงอยู่ประมาณ 5-6% ต่อปี โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 24.40 บาท อ้างอิง PER 9.5x จากกำไรสุทธิปี 2561

ขณะที่บล.เอเซีย พลัส เห็นราคา PSH มีสัญญาฟื้นตัวของโมเมนตัมเชิงบวก และน่าจะมีแรงส่งให้ราคาวิ่งขึ้นไปได้ต่อ โดยในระยะสั้นประเมินแนวต้านไว้ที่ 24.40 และ 25.25 บาท ตามลำดับ