GLAND มั่นใจปี 2561 ผลงานโตกว่าปี 2560 หลังอาคารสำนักงานโครงการ G Tower ผู้เช่าเต็ม 100% โดยเฉพาะบริษัทชั้นนำระดับโลก ด้านโครงการซุปเปอร์ทาวเวอร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดเปิดให้บริการบางส่วนในปี 2563 และครบพื้นที่ในปี 2564 โบรกส่องราคาเทคนิค เคาะต้าน 2 บาท

นายสุรกิจ ธารธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส บริษัทแกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLAND เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานในปี 2561 คาดว่าจะเติบโตกว่า 2560 แน่นอน เนื่องจากโครงการอาคาร G Tower ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานมีผู้เช่าเต็ม 100% แล้ว ซึ่งมาจากบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น โทรคมนาคม, บริษัทประกันภัย, เครือข่ายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, สถาบันการเงิน และการธนาคาร เป็นต้น ส่วนพื้นที่ค้าปลีกทั้งหมด 4 ชั้น มีผู้เช่าประมาณ 80% คาดว่าในปีหน้าจะมีผู้เช่าเต็มพื้นที่ ขณะเดียวกันจะเปิดอาคาร Podium 2 ซึ่งมีทั้งพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่าและพื้นที่ค้าปลีก โดยคาดว่าจะมีผู้สนใจจองพื้นที่จำนวนมาก ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปีหน้าเติบโตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามบริษัทมีนโยบายการกำหนดราคาขายอสังหาริมทรัพย์ และราคาค่าเช่าพื้นที่จะคำนึงถึงราคาตลาดโดยเทียบเคียงกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นหลัก และพิจารณาทางด้านต้นทุนการพัฒนาโครงการพร้อมกันด้วย การปรับเพิ่มราคาจะขึ้นกับภาวะราคาตลาดและต้นทุนการบริหารโครงการเป็นสำคัญ

ลุยซุปเปอร์ทาวเวอร์

ส่วนโครงการซุปเปอร์ทาวเวอร์ ความสูงกว่า 615 เมตร 125 ชั้น มีพื้นที่เช่ารวม 130,000 ตารางเมตร มูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนในและเปิดให้บริการพื้นที่บางส่วนได้ในปี 2563 และคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ 100% ในปี 2564

สำหรับโครงการร่วมทุนกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เพื่อร่วมพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ขณะนี้อยู่ระหว่างติดต่อกับผู้ประกอบการหลายราย เบื้องต้นอาจเป็นการขายพื้นที่หรือพัฒนาเป็นศูนย์การค้าปลีก คอนโดมิเนียม โรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โดยโครงการดังกล่าวมีพื้นที่ประมาณ 48 ไร่ ย่านพหลโยธิน ปัจจุบันก่อสร้างถนนตัดผ่านพื้นที่แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งสาธารณูปโภคพื้นฐานทั้งนี้การเข้าร่วมทุนกับ BTS ในชื่อของบริษัท เบย์วอเตอร์ จำกัด โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 : 50 ซึ่งมีความตั้งใจที่จะใช้บริษัทร่วมทุนนี้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เฉพาะโครงการร่วมกัน

ขณะที่โครงการ เบ็ล แกรนด์ พระราม 9 อาคารสูง 27 ชั้น 34 ชั้น 36 ชั้น 43 ชั้น อย่างละ 2 อาคาร พร้อมชั้นใต้ดิน ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวนรวม 1,991 ยูนิต มีพื้นที่ก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 356,546 ตารางเมตร ซึ่งโอนไปแล้วกว่า 97% ปัจจุบันเหลือจำนวนห้องพักประมาณ 40 ห้อง น่าจะขายได้หมดภายในปีหน้า

ปรับกลยุทธ์ตามภาวะ

อย่างไรก็ตามการพัฒนาอสังหา ริมทรัพย์เพื่อการขายนั้นอาจจะชะลอไปในช่วง 3 ปีนี้ เพราะบริษัทจะเร่งในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่า เนื่องจากเป็นรายได้ประจำที่ค่อนข้างมีความมั่นคง ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริษัทเห็นว่าโครงการเพื่อขายอาจล้นตลาด ประกอบกับที่ดินของบริษัท ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ติดรถไฟฟ้าสายสีแดง ทั้ง 3 โครงการ คือ ดอนเมือง โลคัลโรด และพหลโยธิน ซึ่งขณะนี้รถไฟฟ้าสายสีแดงอยู่ระหว่างการก่อสร้างทำให้ทางเข้าออกโครงการไม่สะดวก หากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวและความต้องการในตลาดอยู่ในภาวะสมดุล บริษัทก็พร้อมที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ในปี 2561 จะมีการปรับผังเมืองใหม่ ทำให้อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio) เพิ่มขึ้น ซึ่งโครงการขายของบริษัทจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วย บริษัทจึงยังไม่พัฒนาโครงการเพื่อขายในช่วงนี้

อีกทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงในการซื้อที่ดิน พัฒนาและก่อสร้างโครงการจึงจำเป็นต้องพึ่งพาเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเป็นแหล่งเงินทุนหลักในการดำเนินธุรกิจ หากบริษัทไม่สามารถจัดหาแหล่งเงินทุนที่เพียงพอตามแผนพัฒนาโครงการที่บริษัทกำหนดไว้ก็อาจส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินงานและผลประกอบการได้

ด้านนางสาวศศิมา หัตถกิจนิกร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มราคาหุ้นของ GLAND โดยให้แนวรับที่ 1.85 บาท และแนวต้าน 2 บาท