น.ส.กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า เว็บไซต์ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ได้จัดทำรายงานภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ "DDproperty Property Market Outlook ปี 2561" โดยการรวบรวมข้อมูลดัชนีราคา ดัชนีฝั่งอุปทาน ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ ทั้งตลาดซื้อ-ขาย และตลาดเช่า รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมานำมาวิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มของตลาดในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า จากผลการเก็บสถิติในช่วงปี 2559-2560 พบว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากการเปิดตัวโครงการต่างๆ ตามแนวรถไฟฟ้าและขยายตัวออกไปยังพื้นที่รอบๆ กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม อุปสงค์เริ่มชะลอตัวลงในช่วงปีที่ผ่านมาหลังจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลสิ้นสุดลงในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจในภาพรวมยังไม่ฟื้นตัวดี ผู้บริโภคเกิดความลังเลในการตัดสินใจซื้อ

น.ส.กมลภัทรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 มีแนวโน้มอุปสงค์เริ่มฟื้นตัวจากแรงสนับสนุนการใช้จ่ายของประชาชนมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งความคืบหน้าของบรรดาเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ของภาครัฐไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย รวมถึงโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยคอนโดมิเนียมยังคงเป็นอสังหาฯที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภค จากดัชนีอสังหาฯ (DDproperty Property Index) ชี้ให้เห็นว่าราคาคอนโดฯเติบโตสูงสุดที่ระดับ 209 ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2560 จึงคาดว่าผู้ประกอบการจะเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่ศักยภาพใหม่ๆ และพื้นที่อีอีซี ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เป็นต้น ทั้งนี้ ปริมาณอุปทานน่าจะเติบโตขึ้นหากรัฐบาลออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาภาคอสังหาฯได้รับอานิสงส์ด้วย นอกจากนี้ ผู้ประกอบการหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่คาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มจากที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ

น.ส.กมลภัทรกล่าวว่า สำหรับผลสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภค (Consumer Sentiment Survey) ผู้บริโภคมองว่าราคาอสังหาฯจะทรงตัวต่อไปในช่วง 6 เดือนข้างหน้า แต่คาดว่าราคาน่าจะปรับตัวขึ้น 5-10% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยคอนโดฯน่าจะปรับตัวสูงสุด