ออริจิ้น แตกไลน์รุกธุรกิจโรงแรม นำร่อง 3 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 7,500 ล้านบาท ดึงเชนอินเตอร์ติเนนตัลบริหาร พร้อมเปิดแผนปีหน้ารุกคอนโดมิเนียมและแนวราบ รวมมูลค่าโครงการ 2.7 หมื่นล้านบาท คาดปี 2564 ทำรายได้ที่ระดับ 2.6 หมื่นล้านบาท

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ออริจิ้นมีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริม ทรัพย์แบบครบวงจร เพื่อสร้างอัตราการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยครอบคลุมธุรกิจโรงแรม เซอร์ วิสอพาร์ตเมนต์ สำนักงานให้เช่า คอมมิวนิตีมอลล์ โดยธุรกิจโรง แรมบริษัทมีแผนการพัฒนาด้วยกัน 3 แห่ง ด้วยมูลค่าสินทรัพย์หลังการก่อสร้างที่ประมาณ 7,500 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทได้ร่วมลงนามเซ็นสัญญานำแบรนด์และเชนของเครือโรงแรมอินเตอร์คอน ดิเนนตัล (IHG) เข้ามาบริหารในธุรกิจโรงแรม

โดยโรงแรมทั้ง 3 แห่งประกอบไปด้วย โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ เป็นโรงแรมขนาดห้องพักรวม 303 ห้อง มูลค่า 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปี 2562 โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี ศรีราชา ขนาด 400 ห้อง มูลค่า 2,800 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปี 2563 และ โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์แอนด์ สวีท ศรีราชา แหลมฉบัง ขนาด 347 ห้อง มูลค่า 2,200 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดบริการได้ในไตรมาส 1 ปี 2563 ทั้งนี้คาดว่าโรงแรมทั้ง 3 แห่งจะเปิดให้บริการครบภาย ในปี 2564

สำหรับการพัฒนาโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของบริษัทในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ล่าสุดได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อบริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด โดยออริจิ้นถือหุ้น 51% และ โนมูระ 49% อย่างไรก็ตามกลุ่มบริษัทโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ มีแผนการ ลงทุนในภูมิภาคอาเซียนในระยะกลาง-ยาว ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559-2567 ด้วยการลงทุนในต่างประเทศภายใต้งบการลงทุนที่ 9.06 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตามในอนาคตบริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สำหรับขาย ที่ 70% และธุรกิจอื่นๆ 30% โดยคาดว่าในปี 2564 บริษัทจะมีรายได้ที่ระดับ 26,000 ล้านบาท สำหรับแผนการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2561 ตั้งเป้าเปิดตัวคอนโดมิเนียม มูลค่ารวมกว่า 25,000 ล้านบาท โครงการแนวราบ 2,000 ล้านบาท และ โครงการมิกซ์ยูส ประมาณ 2-3 โครงการ

ด้านนางจตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด บริษัทพัฒนาธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าว เพิ่มเติมว่า จากข้อมูลของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว พบว่า จำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยมากที่สุด คือ ชาวญี่ปุ-น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ขณะเดียวกันจากข้อมูลของปี 2555-2559 ยังพบว่า จำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ (Expat) มีจำนวนเพิ่มขึ้น เฉลี่ยถึง 16% ต่อปี ทำเลทองหล่อถือ เป็นทำเลสำคัญที่มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานและพักอาศัยเป็นจำนวนมาก มั่นใจว่าการพัฒนาโรงแรมในทำเลทองหล่อจะสามารถตอบโจทย์ความต้อง การที่พักอาศัย โดยเฉพาะของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในย่าน นี้ได้

สำหรับทำเลศรีราชา ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพ เพราะภาครัฐมีนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก พร้อมให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากชาวต่างชาติ