TITLE ลุยศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการแห่งใหม่ในทำเลที่ 3 และ 4 เพื่อสร้างการเติบโต เล็งพัฒนาโครงการเอง หรือร่วมมือกับพันธมิตร ล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจา 3 ราย คาดจะสรุปทางเลือกที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น

          นายเด่นดนัย หุตะจูฑะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตทำเลที่ 3 และ 4 จากปัจจุบันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หาดราไวย์ และหาดในยาง จ.ภูเก็ต ซึ่งโครงการทำเลใหม่มีโอกาสความเป็นไปได้ที่อาจจะเป็นการพัฒนาโครงการด้วยตนเองเหมือนที่ผ่าน หรือร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต โดยขณะนี้มีการเจรจากับพันธมิตรกว่า 3 ราย ซึ่งจะสรุปทางเลือกที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น

          “เราเดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทำเลใหม่ โดยเราอาจจะพัฒนาโครงการเอง หรือ ร่วมกับพันธมิตร ซึ่งขณะนี้มีการเจรจากับพันธมิตรกว่า 3 ราย โดยบทสรุปของทางเลือกจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม ทางบริษัทจะรีบแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป” นายเด่นดนัย กล่าว

          ด้านนายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว กรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการสายงานวางแผนและควบคุม TITLE กล่าวว่า ในส่วนของการศึกษาความเป็นไปได้ จะมีทั้งการลงพื้นที่สำรวจความเป็นไปได้ เช่น เป้าหมายกลุ่มนักท่องเที่ยวตามวัย อายุ และไลฟ์สไตล์ เป็นต้น ซึ่งคาดว่ากระบวนการดังกล่าวจะใช้เวลาในการศึกษาพอสมควร

          ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าซื้อที่ดินบริเวณหาดในยาง จ.ภูเก็ต รวมเนื้อที่ทั้งหมด 29 ไร่ 2 งาน 26 ตารางวา (ตั้งอยู่ที่ ตำบลสาคู อำเภอถลาง จ.ภูเก็ต) โดยติดกับที่ดินของบริษัท ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการ The Title หาดในยาง เฟส 1 และเฟส 2 ซึ่งซื้อจากบุคคลธรรมดา (ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือส่วนได้เสียกับบริษัท) และใช้แหล่งเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท โดยเป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)

          ทั้งนี้ การเข้าซื้อที่ดินดังกล่าวทำให้สามารถรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคตได้อีกต่อเนื่องอย่างน้อย 6-10 ปี อีกทั้งจะเป็นการพัฒนาโครงการควบคู่ทั้ง 2 ทำเลได้ตามแผนงานที่วางไว้ จากหาดราไวย์ สู่หาดในยาง ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น