คอนโดแนวรถไฟฟ้าฮอต

สินธรณีฯ เผยตลาดคอนโด ปีนี้โตแบบช้าๆ ระบุดีมานด์มีไม่ถึง 60% สวนทางซัพพลายที่เหลือขายกว่า 3.6 หมื่นหน่วย

นายศุภกิจ ประมวลทรัพย์ ผู้อำนวยการ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโด มิเนียมยังคงโตแบบช้าๆ แม้ในช่วง 10 เดือนแรก ของปีนี้ ภาพรวมการขายจะต่ำมากไม่ถึง 60% ของทั้งตลาดก็ตาม โดยตลาดคอนโดยังเน้นไป ตามทำเลรถไฟฟ้าพาดผ่านมากกว่า เช่น แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งถือเป็นสายหลักสามารถเข้าเมืองกลางซีบีดีได้ง่ายโดยไม่ต้องต่อสายหรือเปลี่ยนสายทำให้คนสนใจมากกว่าสายอื่นๆ

สำหรับสายทางที่กำลังซื้อเริ่มดีขึ้นมา คือ สีส้มและสีน้ำเงิน ที่คาดว่าจะเริ่มขายดีตามลำดับ อย่างไรก็ดีราคายังคงเป็นเรื่องที่ต้องสะท้อนถึงความสามารถในการซื้อ ขณะที่ ทำเลใหม่ราคายังไม่แรงเท่าในเมืองที่พุ่งไปมากกว่าหลายเท่าตัว

ด้านซัพพลายคอนโดมีของเหลืออยู่กว่า 3.6 หมื่นหน่วย และในปีนี้จะมีจำนวนสร้างเสร็จอีก 2 หมื่นหน่วย เมื่อเปรียบกับความต้องการไม่ถึง 60% ดังนั้นตลาดคอนโดใน ปีนี้ยังคงเหนื่อย อย่างไรก็ดีหากเป็นทำเลที่ใช่ ราคาโดนใจ ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อ ทั้งนี้มองว่าราคาขายไม่เกิน 1.3 แสนบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) เป็นตลาดที่ยังไปได้ดี

"ในแง่ของผู้ซื้อคอนโด แน่นอนว่าปัจจุบัน อำนาจอยู่ที่ผู้ซื้อ การเก็งกำไรก็ยังคงมีอยู่ใน ห้องแบบแรร์ไอเท็ม (Rare Item) ผู้ขายตอนนี้ ก็ต้องปล่อยหมดทุกเงื่อนไข ซึ่งนักลงทุนต่างหันมาเริ่มพึ่งพาเอเยนต์ต่างชาติในการเข้ามาซื้อ-ขายสินค้ามากขึ้น นอกจากนี้จะเริ่มเห็นการขายในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่เน้นโปรโมชั่น เช่น การใส่เทคโนโลยีเข้าไปเพื่อทำให้ราคาโครงการไม่ตก ซึ่งการขายแบบตกแต่งครบถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว" นายศุภกิจ กล่าว

นายศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปีนี้เห็นว่าตลาดคอนโดปีนี้น่าจะเติบโตแบบประคองตัวไปได้ ทั้งต้องมาวัดกันว่าอัตราการขายต่อ ตร.ม.จะสามารถปรับเพิ่มขึ้นจากตอนเปิดพรีเซลโครงการหรือไม่ ถ้าไม่ดีแสดงว่าตลาดไม่ตอบโจทย์การขายจะช้าลง ดอกเบี้ยแบงก์จะตามมา หากสายป่านไม่ดีพอก็จะเกิดปัญหาขึ้นได้

อย่างไรก็ดี กำลังซื้อในตลาดคอนโดจากอดีตสัดส่วนนักลงทุนอยู่ราว 30% ซื้ออยู่จริง 70% แต่ปัจจุบันตัวเลขเริ่มจะใกล้เคียง 50:50 ทั้งนี้หากเป็นทำเลที่มีความต้องการกำลังซื้อจะมากกว่าทำเลที่เป็นรอง

ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในปี 2561 เชื่อว่าน่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ตามที่หลายคนคาดการณ์ ซึ่งการลงทุนพัฒนาอสังหาฯ ก็คงเดินหน้าต่อไป และแต่ละรายต่างสรรหาผลิตภัณฑ์สินค้าหรือบริการใหม่ๆ เข้ามาในตลาด ทั้งนี้รูปแบบการพัฒนาโครงการจะมีความหลากหลาย ไม่ว่าเป็นมิกซ์ยูส ทั้งนี้มองว่าปีหน้าจะเห็นรายกลางบุกตลาดมากขึ้น โดยมีปัจจัยบวก หลายตัวที่จะส่งผลให้หลายๆ ค่ายบุกมากกว่าปีนี้แน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยวจะเห็นได้ว่ามีการเติบโตมากขึ้นจากตลาดจีน ที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งการลงทุนภาครัฐจะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม และจะเป็นผลดีต่อตลาดคอนโดเช่นกัน ขณะเดียวกันกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะส่งผลต่อตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งจะมีการเปลี่ยนมือไปสู่นักพัฒนาโครงการทั้งหลาย แต่ผลเสียก็คือในบางเซ็กเมนต์อาจถูกปฏิเสธสินเชื่อมากกว่าอนุมัติ และการที่กลุ่มทุนต่างประเทศที่เข้ามาช้อนซื้อทำกำไรจนอาจทำให้ตลาดเรียลดีมานด์ที่แท้จริงหายไป