นายลิม บุน ควี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เครือโรงแรมดุสิตธานี เปิดเผยว่า ปัจจุบันในเครือดุสิตมีโรงแรม 4 แบรนด์ คือ ดุสิตเดวาราณา, ดุสิตธานี, ดุสิตปริ๊นเซส และดุสิตดีทู ซึ่งเพียงพอและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการในปัจจุบัน ส่วนอนาคตจะมีแบรนด์ใหม่เพิ่มอีกหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้

สำหรับแผนการธุรกิจของบริษัทจะเน้นการรับบริหารงานโรงแรมเป็นหลัก ซึ่ง 3-5 ปีนี้ จะเข้ารับบริหารงานรวมกว่า 60 โครงการ กว่า 80% อยู่ต่างประเทศ และอีก 20% อยู่ในประเทศ ภายใต้ทั้ง 4 แบรนด์ที่มีอยู่ และมีเพียง 1 โครงการที่ฟิลิปปินส์ ที่เป็นการร่วมทุน ในโครงการโรงแรมและโรงเรียน ภายใต้แบรนด์ ดุสิตดีทู ซึ่งจะเปิดให้บริการเดือน ส.ค.ปีหน้า(2561) นอกนั้นเป็นการรับบริหารโรงแรมเพียงอย่างเดียว

"ศักยภาพของแบรนด์ ดุสิตธานี และดุสิตดีทู มีมากสุดในการขยายธุรกิจบริหารเชนโรงแรม เป็นแนวทางดำเนินธุรกิจ โดยในแง่การลงทุนเองช่วง 3-5 ปียังไม่มี นอกจากดุสิตดีทู ที่ฟิลิปปินส์ที่เดียว จากปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ดูแลและบริหารทั้งหมด 29 แห่ง เป็นของตัวเอง 10 แห่ง จากแผนเน้นบริหาร เช่น โรงแรม ใน 5 ปีข้างหน้าจะเป็น 89 แห่ง และมั่นใจว่าปีนี้ ผลประกอบการเติบโตตามเป้าหมาย"

ล่าสุดบริษัทได้จับมือกับกลุ่มบริษัทเอ็นริช ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม-โรงแรม ในชื่อโครงการ "โรงแรมดุสิตดีทู หัวหิน" และโครงการ "ดุสิต ดีทู เรสซิเดนเซส หัวหิน" มูลค่า 1,500 ล้านบาท พร้อมให้บริการไตรมาสแรกปี 63 โดยดุสิตรับบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์ดุสิตดีทู จับกลุ่มครอบครัวและนักท่องเที่ยวยุคใหม่

ด้านนางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึง ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน "หัวหิน" ว่า ตลาด คอนโดมิเนียมยังคงเป็นสินค้าหลัก โดยมีส่วนแบ่ง การตลาดถึง 84% และยังคงมีอัตราการดูดซับที่ดี ส่วนราคาขายมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่คอนโด- มิเนียมที่นำกลับมาขายใหม่ติดชายทะเล มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 135,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 10% ส่วนโครงการที่ไม่ติดชายทะเลราคาขายเฉลี่ย อยู่ที่ 79,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 19%