ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักเป็นชาวต่างชาติ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของรายได้รวม กระจายอยู่มากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญและแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ที่สำคัญรับเงินดาวน์ไม่ต่ำกว่า 75% จึงโอนทรัพย์ หมดห่วงเรื่องกู้สินเชื่อไม่ผ่านหรือทิ้งดาวน์ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการโอน อีกทั้งได้รับเงินสดมาบริหารงานเป็นทุนหมุนเวียนทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำด้วย  เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 2 พ.ย.นี้

นายเด่นดนัย หุตะจูฑะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE เปิดเผยว่าบริษัทฯดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดภูเก็ต โดยปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนาอยู่ในพื้นที่ หาดราไวย์และหาดในยาง ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ชาวต่างชาติ ปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้รวม หรือฐานลูกค้ากระจาย 30 ประเทศทั่วโลก มีทั้งในโซนเอเชีย ยุโรปและอเมริกา

"การที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติ มีข้อดี คือ เรื่องเงื่อนไขการชำระเงิน ซึ่งบริษัทฯได้กำหนดเงื่อนไขชัดเจนว่าลูกค้าจะต้องวางเงินดาวน์ 75% ก่อนจึงจะสามารถโอนห้องชุดได้ ซึ่งตรงนี้ทำให้บริษัทฯมีความแตกต่างจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ที่ปกติจะวางเงินดาวน์ประมาณ 25% เท่านั้น  ส่งผลให้หมดปัญหาการโอนเพราะไม่มีปัญหาเรื่องการปฏิเสธสินเชื่ออย่างแน่นอน รวมถึงปัญหาการทิ้งดาวน์ด้วย ที่สำคัญคือทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินสดเข้ามาเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในโครงการ จึงทำให้ภาพรวมของโครงการมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำมาก" นายเด่นดนัยกล่าว

นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว กรรมการบริหาร/กรรมการผู้จัดการ สายงานวางแผนและควบคุม TITLE   กล่าวว่า TITLE เตรียมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 นี้เป็นวันแรก ซึ่งการเข้าระดมทุนครั้งนี้เพื่อนำเงินทุนใช้พัฒนา โครงการ The Title Residencies Naiyang Phuket และใช้ซื้อที่ดิน เพื่อสร้างการเติบโตของ บริษัทฯ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นอกจากนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัทให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

"จุดเด่นของ ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ มีหลายมิติ โดยหนึ่งในนั้นคือการเป็น "อสังหาฯเพื่อการท่องเที่ยว" เพราะเรามีลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติจำนวนมาก จากการที่ชาวต่างชาติไม่สามารถกู้เงินในประเทศไทยได้ ทำให้ลูกค้าที่จะมาซื้อห้องชุดจะต้องมีเงินทุนพอสมควร เพราะเรามีเงื่อนไขที่ชัดเจนที่จะต้องวางเงินดาวน์ถึง 75% ภายหลังจากจองซื้อก็จะทำสัญญา 25% จากนั้นเมื่อลงเสาเข็มเสร็จวางเงินอีก 25% และอีก 25% เมื่องานโครงสร้างและสถาปัตย์เสร็จ ซึ่งการเก็บเงินดาวน์เยอะส่งผลดีต่อบริษัทฯ ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงิน ลดต้นทุนทางการเงินและหมดปัญหาการโอน" นายศศิพงษ์กล่าว