“ศุภาลัย” มั่นใจผลงานไตรมาส 4/60 ดีที่สุดของปีนี้ รับไฮซีชั่นธุรกิจ-จ่อโอนคอนโดฯเพียบ พร้อมอัดแคมเปญ “สายเปย์ จ่าย 0 คืน คูณ 2” เพื่อกระตุ้นลูกค้าตัดสินใจซื้อ และระบายสต๊อกโค้งสุดท้ายของปี

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/60 จะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีนี้ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

โดยในช่วงไตรมาส 4/60 มีโครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 3,600 ล้านบาท คือ โครงการ ศุภาลัย เวลลิงตัน 2 (Supalai Wellington II) ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 70% และยังมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ จะมีโครงการคอนโดมิเนียมที่โอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/60 จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 9,390 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา, 2.โครงการศุภาลัย วิสต้า @ ห้าแยกปากเกร็ด, 3.โครงการศุภาลัย ลอฟท์ แจ้งวัฒนะ, 4.โครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น และ 5.โครงการศุภาลัย วิสต้า ศรีราชา-แยกท่าเรือแหลมฉบัง

“ปัจจุบันโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จจะขายได้เร็วขึ้น ลูกค้าจะจองโครงการในช่วงวันเปิดขายน้อยลง อาจจะเป็นเพราะโครงการที่เสร็จแล้วลูกค้าได้เห็นของจริงเลย และสามารถเข้าอยู่ได้เลย ขณะที่โครงการใหม่เห็นแค่ห้องตัวอย่าง ยังไม่เห็นวิวจริง และยังต้องรอโครงการก่อสร้างอีก” นายไตรเตชะ กล่าว

สำหรับในไตรมาส 4/60 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการแนวราบ จำนวน 7-8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันแต่ละโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4/60 บริษัทอาจจะเปิดตัวโครงการใหม่ได้ไม่ครบตามแผน เนื่องจากยังรอดูจังหวะการเปิดตัว ประกอบกับปัจจุบันยอดขายรวมของบริษัทเติบโตใกล้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่ม

นายไตรเตชะ กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 4/60 บริษัทได้จัดแคมเปญ “สายเปย์ จ่าย 0 คืน คูณ 2” สำหรับผู้ที่จองบ้านและคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ รับสิทธิ์ค่าใช้จ่ายศูนย์บาททุกรายการ เช่น ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์, ค่าธรรมเนียมจดจำนอง, ค่าส่วนกลาง 1 ปีแรก, ค่าธรรมเนียม มิเตอร์ น้ำ-ไฟ พร้อมรับเงินคืน 2 เท่า ได้คืนส่วนลด ณ วันจอง และได้คืนส่วนลด ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ตั้งแต่วันนี้-15 ธันวาคม 2560 นี้เท่านั้น ทั้งนี้ แคมเปญดังกล่าวเป็นแคมเปญที่แรงสุดของปีนี้ เพื่อเป็นการระบายสต๊อกสินค้าในมือ และเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของปี

ทั้งนี้ บริษัทยังมั่นใจรายได้รวมปี 2560 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายอยู่ที่ 24,500 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวมแล้วอยู่ที่ 9,882.69 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท โดยทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 10,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี 2563

อีกทั้งบริษัทยังมีสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ ประมาณ 2,000 ล้านบาท และเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัดภูเก็ต และพัทยา ซึ่งสต๊อกดังกล่าวจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ทันทีหลังการขาย