นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ในด้านกำลังซื้อคาดว่าจะยังคงทรงตัวต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการหลายรายพยายามจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายก็ตาม ยกเว้นผู้ประกอบการที่จัดแคมเปญใหญ่ๆ โปรโมชันแรง รวมหลายโครงการไว้ภายในงานเดียว ซึ่งช่วยสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ช่วงที่ดีที่สุดของตลาดอสังหาฯในปีนี้คือช่วงเดือนกันยายนนี้ โดยนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ผู้ประกอบการต่างเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อสร้างยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ รวมถึงการจัดงาน ออกแคมเปญแรงๆ เพื่อสร้างยอดขายโดยเฉพาะในเดือนกันยายน ก่อนที่จะมีงานพระราชพิธีในเดือนตุลาคม ขณะที่ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายอาจเห็นผู้ประกอบการบางรายเร่งเปิดโครงการใหม่เพื่อสร้างยอดขาย แต่ในแง่ของ ผู้ซื้อเชื่อว่าจะยังคงทรงตัวต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2561

ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหลายรายหันไปพัฒนาสินค้า ระดับไฮเอนด์ หลังจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อ ไม่ประสบปัญหาการ ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เช่นตลาดกลาง-ล่าง แต่เนื่องจากตลาดดังกล่าวแม้จะมีกำลังซื้อสูงแต่เนื่องจากเป็นตลาดขนาดเล็กกลุ่มลูกค้ามีจำกัด ทำให้ผู้ปรำกอบการเริ่มหันมาจากตลาดระดับกลางมากขึ้น

นายสุรเชรษฐกล่าวว่า คอนโดฯระดับราคาไม่เกิน 1 แสนบาทต่อตารางเมตร หรือราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ยังเป็นสินค้าขายดี ซึ่งจะเริ่มเห็นปัจจุบันผู้ประกอบการพยายามเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อยูนิตมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่ผู้ประกอบการหลายรายไปเน้นทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย หรือเส้นทางที่กำลังก่อสร้างต่างๆ เพื่อจะได้ซื้อที่ดินที่มีราคาไม่สูงและสามารถพัฒนาโครงการที่มีราคาขายไม่สูงเกินไปคือมีราคาขายเริ่มต้นที่ประมาณ 2 ล้านบาทต่อยูนิต-ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อยูนิต แล้วแต่ทำเล รวมไปถึงโครงการบ้านจัดสรรต่างๆ ที่เลือกทำเลที่ไกลออกไปจากเส้นทางทางรถไฟฟ้าและสามารถพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่มีราคาขายไม่เกิน 5 ล้านบาททั้งโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม หรือบ้านแฝด เป็นต้น แล้วแต่ราคาที่ดินในบริเวณนั้นว่าสามารถพัฒนาโครงการรูปแบบใดได้บ้าง

โครงการบ้านจัดสรรในระดับราคา 1-5 ล้านบาทในกรุงเทพ มหานครส่วนใหญ่เป็นโครงการที่พัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์หรือทาวน์โฮม คือ มีสัดส่วนประมาณ 75% ของจำนวนบ้านจัดสรรในระดับราคา 1-5 ล้านบาทต่อยูนิต ในกรุงเทพมหานคร และ 14% เป็นบ้านเดี่ยวส่วนที่เหลือเป็นโครงการรูปแบบอื่นๆ

ที่อยู่อาศัยระดับราคา 1-5 ล้านบาทเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นกลุ่มที่ยังพอมีกำลังซื้อรวมไปถึงเป็นกลุ่มที่สามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคารได้อยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าธนาคารจะมีความเข้มงวดในการพิจารณาการขอสินเชื่อก็ตาม เพราะกลุ่มคนที่มีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยระดับนี้เป็นกลุ่มที่ทำงานประจำมีรายได้ที่แน่นอน แค่อาจจะมีปัญหาเรื่องของหนี้ครัวเรือนบ้างในบางครอบครัว แต่ก็ยังสามารถที่จะลดภาระเรื่องของหนี้ครัวเรือนลงไปได้เพราะว่าพวกเขามีงานประจำที่มีรายได้แน่นอน ผู้ประกอบการจึงให้ความสนใจรวมไปถึงมองคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่พวกเขาต้องการ เพราะกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีราคามากกว่า 5 ล้านบาทต่อยูนิตขึ้นไปอาจจะมีจำนวนไม่มากหรือว่ามีจำกัด และพวกเขาอาจจะซื้อหรือมีที่อยู่อาศัยอยู่แล้วจึงทำให้กำลังซื้อในระดับบนมีไม่มากนัก ทั้งๆ ที่พวกเขายังมีความสามารถในการซื้ออยู่ก็ตาม