“แสนสิริ” เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ “เฮาส์” 3 โครงการ มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังโครงการ “โมริ เฮาส์” ลูกค้าตรวจรับห้องแล้วถึง 70% ภายใน 1 สัปดาห์

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SRI เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 25,000 ล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “เฮาส์” (HAUS) อีกจำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 12,000 ล้านบาท

โดยจะเริ่มจากการเปิดตัวโครงการ ทากะ เฮาส์ (taka HAUS) มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ในช่วงวันที่ 16-17 กันยายนนี้ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี หลังได้รับการตอบรับดีจากโครงการโมริ เฮาส์ (Mori HAUS)

ทั้งนี้ ล่าสุดโครงการ โมริ เฮาส์ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในด้านคุณภาพของโครงการที่ดีมาก ซึ่งภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ลูกค้าตรวจรับมอบห้องชุดไปแล้วประมาณ 70% จากจำนวนทั้งหมด 262 ยูนิต ถือเป็นยอดตรวจรับมอบห้องคอนโดมิเนียมที่สูงและเร็วมากเป็นประวัติการณ์

“ในช่วงที่ผ่านมาเราได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ “เฮาส์” (HAUS) แล้ว จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการ ฮาสุ เฮาส์ และโครงการ โมริ เฮาส์ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าชาวญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัย บรรยากาศดี เงียบสงบ ความร่มรื่นบนพื้นที่สีเขียว สามารถเดินทางเข้าเมืองสู่ย่านธุรกิจได้ง่าย สะดวก ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และรถไฟฟ้าสถานีอ่อนนุช” นายอุทัย กล่าว

นอกจากนี้ ทั้ง 2 โครงการ ยังให้ผลตอบแทนจากการเช่าสูงถึง 5-7% ต่อปี เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่อยู่อาศัยย่านสุขุมวิท 77 หรือ T77 ตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบทุกมิติ มีคอมมูนิตี้ มอลล์ ฮาบิโตะ (Habito) ที่มีทั้งร้านค้าและร้านอาหารชื่อดัง พร้อมพื้นที่สร้างสรรค์งานคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ใหญ่ และครบที่สุดในเอเชียอาคเนย์กับ HUBBA-TO Co-working Space

อีกทั้งยังรวมถึงเพื่อนบ้านใหม่อย่าง Bangkok International Preparatory and Secondary School (Bangkok Prep: บางกอกเพรพ) โรงเรียนนานาชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งเปิดให้การศึกษาแล้ว ส่งผลให้ T77 เป็นฮับแห่งไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของชาวต่างชาติเต็มตัว

นายอุทัย กล่าวอีกว่า บริษัทประสบความสำเร็จในคอนโดมิเนียมแบรนด์ “เฮาส์” (HAUS) ซึ่งพัฒนาแนวคิดมาจากกระแสของโลกปัจจุบัน รวมเทรนด์ SLOW LIFE หรือการใช้ชีวิตอย่างละเมียดละไม หนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงที่สุด ณ ปัจจุบัน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เลี่ยงการใช้ชีวิตแบบรีบเร่งเกินพอดี เข้ากับเทรนด์ ECO-LIVING หรือการใช้ชีวิตที่อิงอาศัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อความสมดุล พอเพียง และยั่งยืน ซึ่งตอบรับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติกลางเมืองใหญ่ จึงทำให้โครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า