นายอดัม ทาวาลเดอร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โคเวล แบงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภายหลังก่อตั้ง บริษัทร่วมทุนเพื่อเข้ามาดำเนินธุรกิจด้านเอเยนซีอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นจับตลาดนักลงทุนในกลุ่มตลาดลักชัวรี โดยเป็นการถือหุ้นระหว่างคนไทย 80% และคนต่างชาติ 20% ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้จัดวางระบบงานจนมีความพร้อมในการที่รับงานได้ผลที่ดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด แม้ภาพโดย รวมตลาดอสังหาฯ ในเมืองไทยจะชะลอตัว แต่ตลาดลักชัวรีมีความน่าสนใจ และมีโอกาสในการเติบโตสูง

สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยมี 5 ทีมในการให้บริการด้านอสังหาฯ ประกอบด้วย 1.ทีมแฟรนไชส์ ซึ่งมีแผนจะขยายให้ครบ 30 สาขา ในระยะ 3-5 ปี ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 5 สาขา 2.ทีม อินเตอร์เนชันแนล เซลส์ ให้บริการที่ปรึกษาเจ้าของโครงการระดับลักชัวร์รีที่ต้องการเจาะกลุ่มต่างชาติ และแนะนำโครงการอสังหาฯ ต่างประเทศที่นัก ลงทุนไทยสนใจ 3.ทีม ลักชัวรี เรสซิเดนทรั่ล เซลส์ ดูแลการซื้อขายโครงการที่น่าสนใจในประเทศไทย เช่น เดอะริทซ์-คาร์ตัล ,นิมิตรหลังสวน ฯลฯ 4.ทีมคอมเมอร์เชี่ยล อินเวสเม้นท์ เซอร์วิส ให้บริการธุรกิจด้านบริหารโรงแรม และ 5.ทีม โปรเจกต์ เซลส์ เมเนจเมนต์ ทำงานใกล้ชิดผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ในการเปิดตัวทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

ด้าน นายวโรดม ชาญอินทรนันท์ รองประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมี 10 โครงการในย่าน CBD ย่านธุรกิจอยู่ในการดูแล ซึ่งแต่ละโครงการมาจากจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำในไทยและได้เปิดแฟรนไชส์ไปแล้ว 5 สาขา แบ่งเป็นสาขาใน กทม. 3 สาขา และ2 สาขาในเมืองท่องเที่ยว ปัจจุบัน "โคเวลฯ" มีโครงการอยู่ในการดูแลกว่า 400-500 รายการ มูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยในปี 60 โคเวลฯ สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 6.7 พันล้านบาท และตั้งเป้าว่าในทุกๆ ปีจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้น 50% จากยอดขายของปีที่ผ่านมา พร้อมกับได้ตั้งเป้าขยายสาขาแบบแฟรนไชส์ในประเทศไทยให้ได้ 30 สาขาในอีก 3-5 ปี

"จุดแข็งของแฟรนไชส์คือ การมีเครือข่ายที่ทำตลาดอยู่ทั่วโลก โดยมีสาขากว่า 3 พันสาขาใน 50 ประเทศซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล และมี อสังหาฯ จากทั่วโลกรองรับความต้องการของลูกค้าแต่ละสาขาจะต้องตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวและย่านธุรกิจสำคัญๆ โดยจะพยายามขยายสัดส่วนการตลาดและทีมงานในด้านการซื้อขายโครงการเพื่อการ อยู่อาศัย พร้อมทั้งขยายโอกาสทางการขายสำหรับตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกับตั้งเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำตลาดการให้บริการด้านสินทรัพย์ในระยะ 5 ปีจากนี้"