จีนบุกลงทุนอสังหาฯ ลุยคอนโด-โรงแรม รับ'นักท่องเที่ยว
กลุ่มทุนจีนเดินหน้าลงทุน อสังหาฯไทย รุกตลาดคอนโด-โรงแรม รองรับ นักท่องเที่ยว-กำลังซื้อตลาดจีนในไทย "คอลลิเออร์ส" ประเมินปี 2558-2560 รวมมูลค่า 7 หมื่นล้าน คาดลงทุนต่อเนื่อง 3-5 ปี เฉลี่ยปีละ 2-3 หมื่นล้าน ด้าน "ทีเอชเอ" ระบุธุรกิจทัวร์จีนกว้านซื้อคอนโด- อพาร์ตเมนต์ แปลงสภาพรับกรุ๊ปทัวร์
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยได้รับความสนใจเข้ามาขยายการลงทุนต่อเนื่องจากกลุ่มทุนต่างชาติ โดยเฉพาะช่วง 5 ปีที่ผ่าน กลุ่มทุนหลักจากเอเชีย นำโดย"ญี่ปุ่น" ที่ปัจจุบันประกาศความร่วมมือกับ ทุนไทยไปแล้ว เช่น อนันดาฯร่วมทุนมิตซุย ฟูโดซัง, เอพี (ไทยแลนด์) ผนึก มิตซูบิชิ เอสเตท, เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จับมือฮันคิว, แสนสิริ กับโตคิว คอร์ปอเรชั่น, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ร่วมทุนกับโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์
ขณะที่กลุ่มทุนจากจีน ก็เริ่มเข้ามาลงทุน อย่างชัดเจนช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดย"คอลลิเออร์ส" ประเมินการลงทุนระหว่างปี 2558-2560 รวมมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท โดยการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น จงเทียน คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป ร่วมทุนกับ เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสในพัทยา มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท, จุนฟา เรียลเอสเตท ร่วมทุน ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ พัฒนามิกซ์ยูส ในพังงาและหัวหิน มูลค่า 3,000 ล้านบาท , ธนาคารไชน่า ผิงอัน สนับสนุนสินเชื่อให้ คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเม้นท์ ในโครงการมิกซ์ยูส ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท, คันทรี่ การ์เด้น โฮลดิ้ง ร่วมทุน ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม พัฒนาคอนโด ในกรุงเทพฯ มูลค่า 6,800 ล้านบาท เป็นต้น
เน้นลงทุนคอนโด-โรงแรม
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่ากลุ่มทุนจีน เริ่มเข้ามาลงทุนชัดเจน ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังจากทางการจีนเริ่มคุมเข้มการลงทุน อสังหาฯ ในประเทศ จึงมองโอกาสการลงทุน เน้นอาเซียนเป็นหลัก และเห็นว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความพร้อมด้านการลงทุน จากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวจีน มีการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
ทั้งนี้พบว่าหากเป็นการลงทุนคอนโด สัดส่วนเกือบ 50% ของยูนิตทั้งหมดวาง เป้าหมายทำตลาดจีน ทั้งนักศึกษาที่มาเรียนในไทย พนักงานและนักธุรกิจที่มาลงทุนในไทย รวมทั้งการซื้อเพื่อลงทุนเพื่อเสนอเป็นทางเลือกเข้าพักของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทาง อิสระ (FIT) ที่เพิ่มขึ้น และไม่พักโรงแรม
รูปแบบการลงทุนเน้นกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทคอนโด 70% และโรงแรม 30% โดยคอนโดเน้นตลาดต่ำกว่า 10 ล้านบาท (2 ล้านหยวน) ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าคอนโดในเมืองหลักของจีน ขณะที่การลงทุนโรงแรมที่ผ่านมามี 1-2 ราย สำหรับทำเลการลงทุนเน้น กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่คนจีนนิยม
ทุนญี่ปุ่น-จีน เดินหน้าบุกอสังหาฯไทย
กลุ่มทุนทั้งญี่ปุ่นและจีนต้องการพันธมิตรไทยร่วมลงทุน แต่ผู้ประกอบการไทยนิยมร่วมทุนญี่ปุ่นเป็นลำดับแรก เนื่องจากมีรูปแบบ การพัฒนาลักษณะเดียวกัน มีนวัตกรรม และการออกแบบที่น่าสนใจ ขณะที่รูปแบบคอนโดจีนเน้นออกแบบขนาดใหญ่ 2 ห้องนอน ซึ่งไม่ตรงกับสิ่งคนไทยชื่นชอบ
"เดิมรูปแบบการลงทุนคอนโดของจีน เน้นโปรเจคใหญ่ มูลค่า 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปได้ยาก หรือต้องการพื้นที่โครงการ 10-20 ไร่ ติดรถไฟฟ้า ซึ่งหาได้ลำบากมากและราคาสูงมาก ตารางวาละ 1 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ยากต่อการคุ้มทุน"
ขณะที่การลงทุนคอนโดส่วนใหญ่ในไทยจะอยู่ที่โครงการละ 2,000-3,000 ล้านบาท ราว 500 ยูนิต แต่ปัจจุบันก็เริ่มเห็นการปรับตัวของจีนที่ลดขนาดลงให้ เหมาะสมกับการลงทุนและตลาดไทย
"เชื่อว่าหลังจากนี้ จะเห็นการลงทุนจากกลุ่มทุนจีนมากขึ้น เช่นเดียวกับทุนญี่ปุ่น ที่ยังสนใจลงทุนอสังหาฯไทยอีกหลายราย และจะเห็นการประกาศร่วมทุนกับทั้งญี่ปุ่นและจีนเพิ่มอีกหลังจากนี้"
ลงทุนต่อเนื่องปีละ 2-3 หมื่นล้าน
นายสุรเชษฐ กล่าวว่า การลงทุนอสังหาฯ ของจีนในไทย ช่วง 2558-2560 ประเมินว่า มีมูลค่ารวม 7 หมื่นล้านบาท และคาดว่า แนวโน้มจากนี้จะขยายตัวต่อเนื่องปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับการลงทุน อสังหาฯของกลุ่มทุนญี่ปุ่นซึ่งอยู่ที่ปีละ 2-3 หมื่นล้านบาทเช่นกัน
มองว่าในช่วง 3-5 ปีจากนี้ ทั้งทุนญี่ปุ่นและจีน ยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยเป็นรูปแบบการลงทุนระยะยาว เน้นคอนโดเป็นหลัก ส่วนโรงแรมจะเลือกทำเล เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของตลาดจีน
"กลุ่มทุนจีนที่ยังไม่เคยลงทุนในไทย หากต้องการลงทุนเพื่อให้ได้เงินคืนเร็วที่สุด จะลงทุนในคอนโดเป็นลำดับแรก มองว่าการลงทุนของกลุ่มทุนจีนหลังจากนี้ ถือเป็นสัญญาณบวก"
แปลงคอนโด-หอพักรับกรุ๊ปทัวร์
ด้านนางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า จีนเริ่มเข้ามามีบทบาทในธุรกิจท่องเที่ยวมากขึ้น จากการเติบโตต่อเนื่องของนักท่องเที่ยว จีนที่ทำสถิติสูงสุด 8.7 ล้านคนในปีที่ผ่านมา และขยายตัวต่อเนื่องทำให้กลุ่มนายทุนจากจีนเห็นโอกาสเข้ามาลงทุนที่พักอาศัยและปรับเป็นโรงแรมรองรับกรุ๊ปทัวร์โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนจากบริษัทนำเที่ยวระดับกลางที่ต้องการที่พักระดับ 3 ดาวลงไป ซึ่งมีข้อได้เปรียบเรื่องการมีลูกค้าในมือ
แนวโน้มการลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นการกว้านซื้ออพาร์ตเมนต์หรือห้องชุดคอนโดมาแปลงสภาพเพื่อรับลูกค้ารายวัน ส่วนใหญ่ ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเนื่องจากต้องการควบคุมต้นทุน ส่วนกลุ่มทุนจากจีนที่เข้ามาในรูปแบบจดทะเบียน ถูกต้องและลงทุนโดยใช้เชนบริหาร มีแบรนด์ทำตลาดเป็นที่ชัดเจนมีน้อยมาก
"แต่การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2559 ทำให้ตลาดทัวร์ระดับกลางลดลง ที่พักกลุ่มนี้หลายแห่งปิดกิจการ เห็นชัดสุดคือพัทยา และกรุงเทพฯ"
ด้านนายสรัญ ลิ้มสวัสดิ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุขุมวิท 15 เพลส ผู้ดำเนินธุรกิจกลุ่มโรงแรมเอส โฮเต็ล กล่าวว่า ทุนจีนเริ่มเข้าซื้ออสังหาฯในภูเก็ตเพื่อแปลงเป็น ที่พักรับกรุ๊ปทัวร์ ทั้งคอนโดและหอพักมาปรับปรุงแต่ไม่มีแบรนด์ชัดเจน
ส่วนกรุงเทพฯพื้นที่นิยม เช่น ย่านรัชดา ซึ่งกระแสการลงทุนที่พักซบเซาจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ เริ่มฟื้นตัวในด้านอัตราเข้าพัก ส่วนราคาห้องพักยังนิ่ง
สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทย ปี 2559 มี 8.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10% ส่วนปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) คาดการณ์ 9.5 ล้านคน และเพิ่มเป็น 10 ล้านคนปีหน้า