บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศ ไทย) เผยถึงตลาดบ้านแนว ราบระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาว่า มีแนวโน้ม ลดลง โดยเฉพาะในย่านซีบีดี อย่างเช่น บนถนนสุขุมวิทที่มีการเปิดตัวโครงการลดน้อยลง ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะเน้นไปลงทุน พัฒนาโครงการในทำเลรอบนอกเมืองมากขึ้น

โดยในครึ่งปีแรกพบว่ามีโครงการแนวราบระดับบนเปิดตัวรวมทั้งสิ้น 7 โครงการ จำนวน 225 ยูนิตมูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 โครงการ อยู่ในโซนตะวันออก คือ พระโขนง สวนหลวง และประเวศ ราคาขายอยู่ที่ 25-80 ล้านบาท

ทั้งนี้ อีก 2 โครงการอยู่ในย่านลาดพร้าว ราคาขายอยู่ที่ 27-50 ล้านบาท ที่เหลืออยู่ที่พัฒนาการราคาขาย ที่ 25 ล้านบาท และซอยศูนย์วิจัย ราคาขายที่ 30 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 3 ปีนี้ จะมีโครงการที่มีแผน จะเปิดตัวใหม่ในย่านลาดพร้าว ถนนเกษตร-นวมินทร์ ราคาขายที่ 15-50 ล้านบาท

สำหรับซัพพลายแนวราบระดับบน สะสมที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน พบว่ามีประมาณ 610 ยูนิตมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการรอบนอก 493 ยูนิต และในเขตเมือง 117 ยูนิต ทั้งนี้การเปิดตัวในใจกลางเมืองเริ่มลดลง ตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเปิดตัว 65 ยูนิต ปี 2559 เปิดตัว 49 ยูนิต ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 2560 ไม่มีโครงการเปิดใหม่ในทำเลกลางเมืองเลย

ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมระดับ ไฮเอนด์ พบว่าการเปิดตัวโครงการใหม่ ลดลง 46% เหลือเพียง 1,009 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 4,346 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มีการเปิดตัวเพียง 1,884 ยูนิต มูลค่ารวม 3,752 ล้านบาท โดยเฉพาะในทำเลใจกลางเมือง หรือย่านซีบีดี

โดยพบว่ามีโครงการเปิดใหม่เพียง 1 โครงการ คือ โครงการสวนบัว เรสซิเดนซ์ ย่านซอยอารีย์ 1-ราชครู จำนวน 54 ยูนิต สำหรับราคาคอนโดมิเนียมในปัจจุบันเฉลี่ยที่ 292,800 บาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งได้ปรับขึ้นจากปี 2559 ราว 24% จากราคาเฉลี่ย 235,429 บาท/ตร.ม. ส่งผลให้มูลค่าโครงการที่เปิดใหม่ สูงขึ้น 16%

ขณะที่ตัวเลขซัพพลายเหลือขายสะสมทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมหรูระหว่างปี 2558-2560 อยู่ที่ 1.1 หมื่น ยูนิต แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว บ้าน แฝด ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 30-100 ล้านบาท ในย่านกลางเมืองสุขุมวิท สาทร สีลม ลุมพินี รัศมีห่างไม่เกินจากบริเวณดังกล่าว 5 กิโลเมตร มีจำนวน 283 ยูนิต

ในส่วนของโครงการที่อยู่ในรัศมีรอบนอกหรือชานเมืองมีอีก 1,500 ยูนิต ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคา 1.5-3 แสนบาท/ตร.ม. มีซัพพลายสะสมจำนวน 9,000 ยูนิต

ทั้งนี้ ดีมานด์ในเมืองจะเป็นกลุ่มที่เคยอยู่คอนโด แต่เมื่อต้องการขยายครอบครัวจึงมองหาบ้านแนวราบ แต่ยังต้องการความสะดวกสบาย ดังนั้นโครงการระดับลักซ์ชัวรี่จะต้องพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าคอนโด มิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ ปี 2560 จะไม่เกิน 7,000 ยูนิต ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี นับจากปี 2558 ทั้งนี้ก็เพื่อให้สอดรับความต้องการซื้อ

สำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ได้รับการ ตอบรับที่ดี ผู้ประกอบการหลายรายหันมาสนใจตลาดนี้มากขึ้น แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัวบ้าง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอสังหา ริมทรัพย์ระดับบน ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดนี้ยังคงเติบโตคือ ความต้องการพื้นที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองที่มีราคาที่ดินค่อนข้างสูงและหายาก

โดยตัวเลือกของการอยู่อาศัยใจกลางเมืองส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนซื้อคอนโดมิเนียม ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ใช้สอย อีกทั้งราคาจะสูงกว่า 2-3 เท่า และไม่ได้โฉนดที่ดินหรือผู้ซื้อ ต้องการลงทุนซื้อที่ดิน เมื่อเปรียบเทียบ ราคาต่อตารางวาบวกกับราคาค่าก่อสร้าง จะทำให้ราคาที่อยู่อาศัยสูงจนไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน

รวมไปถึงการลงทุนซื้อบ้านมือสองบนทำเลทอง เช่น สุขุมวิท ซึ่งโดยส่วนมาก ต้องมีการรีโนเวท หรืออาจทุบทิ้งสร้างใหม่ ดังนั้นการมองหาบ้านใหม่ที่ได้รับการพัฒนามากขึ้น ทั้งในเรื่องฟังก์ชั่น พื้นที่ใช้สอย วัสดุ จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ ผู้บริโภคในขณะนี้