ตลาดบ้าน-คอนโดฯ ลักชัวรี่หรูถึงจุดอิ่มตัว บ้านเดียว-ทาวน์เฮาส์ในรอบ 1 ปี ไม่มีโครงการเปิดใหม่ในทำเลกลางเมือง กทม. ขณะที่ทำเลรอบนอกเมืองเปิดตัวเพียง 7 โครงการ มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ขณะที่คอนโดฯราคา 3 แสนบาท/ตร.ม. แนวโน้มลดลง 7 เดือนเปิดตัว 1,059 ยูนิต

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอ็นด์ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าตลาดชะลอตัวลง โครงการเปิดใหม่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ประกอบการได้เปิดตัวโครงการระดับดังกล่าวไปมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และรู้ดีว่ากลุ่มลูกค้าของตลาดนี้มีจำนวนจำกัด รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จึงพัฒนาสินค้าออกมาน้อยลงตามภาวะตลาด ขณะที่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ นิยมซื้อโครงการที่มีเชนระดับอินเตอร์บริหารหลังการขาย หรือนิยมซื้อสินค้าที่มีราคาต่ำกว่า 3 แสนบาท/ตร.ม.

สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายมากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.)เปิดขายมากขึ้น โดยเฉพาะในปี 2558 ตลาดคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายมากกว่า 300,000 บาทต่อตร.ม.ขึ้นไป ก็ยังมีคนสนใจจะซื้ออยู่ โดย ณ ปัจจุบันมีจำนวนรวมทั้งหมดประมาณ 3,477 ยูนิต ขายไปได้ 65% แสดงให้เห็นว่าคอนโดมิเนียมระดับนี้ได้รับความสนใจระดับหนึ่ง รวมทั้งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อชาวต่างชาติไม่น้อย แต่ในปี 2559 จำนวนของโครงการระดับนี้คงลดลงกว่าปีก่อนหน้านี้ เพราะ ของเก่ายังเหลือขายอยู่อีกมาก และยังไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งคอนโดมิเนียมระดับนี้มีเปิด ขายมากมายและมีคนจำนวนหนึ่งที่ซื้อไปก่อนหน้านี้แล้ว

จากการสำรวจโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคาตั้งแต่ 3 แสนบาท/ตร.ม.ขึ้นไป พบว่า มกราคม-กรกฎาคม 2560 มีโครงการเปิดใหม่ จำนวน 1,059 ยูนิต ขณะที่ปี 2559 มีจำนวน 673 และปี 2528 มีจำนวน 1,402 ยูนิต

โครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคานี้ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิท เพราะปัจจัยหลักเรื่องของราคาที่ดินตามแนวถนนสุขุมวิทมีราคามากกว่า 1.5 ล้านบาทต่อ ตารางวาขึ้นไป ทำให้ผู้ประกอบการต้องพัฒนาโครงการระดับราคามากกว่า 250,000 บาทต่อตร.ม.ขึ้นไป จึงเป็นอีกเหตุผลที่มีโครงการระดับนี้อยู่ในทำเลนี้มากที่สุด

กลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในระดับนี้อาจจะมีอยู่ไม่มากนัก ผู้ประกอบการที่เปิดขายโครงการระดับนี้ จึงมีการ ขยายฐานผู้ซื้อไปยังตลาดต่างประเทศด้วย เพื่อจะได้มีกำลัง ซื้อเข้ามาชดเชยกำลังซื้อคนไทย นอกจากนี้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในระดับนี้ ยังคงมีการขยายตัวในอัตราที่ไม่สูงมากนักต่อไป โดยอาจจะมีโครงการระดับราคานี้เปิด ขายต่อไปไม่มาก เพราะผู้ประกอบการยังต้องคำนึงถึงกำลัง ซื้อที่เป็นคนไทยที่ไม่ได้สูงมากนัก อีกทั้งกำลังซื้อชาวต่างชาติ เองก็ไม่ได้สูง เพราะชาวต่างชาติยังคงต้องการซื้อคอนโดมิเนียม ที่มีราคาขายต่ำกว่าในประเทศของพวกเขาเป็นหลัก

CBRE เผยไม่มีบ้านระดับไฮเอนด์เปิดขายรอบ 1 ปี

ด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ดเอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ซีบีอาร์อี กล่าวถึงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2560 พบว่า มีแนวโน้มปรับตัวลดลง อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ในทำเลกลางเมือง ที่ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ ยกเว้นในทำเลรอบนอกเมือง

ในปี 2560 พบว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีโครงการบ้านแนวราบ บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์เปิดใหม่ มีเพียง 7 โครงการ 225 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,000 ล้านบาท ระดับราคา 25-80 ล้านบาท อยู่ในทำเลกรุงเทพตะวันออก ได้แก่ พระโขนง สวนหลวง ประเวศ ลาดพร้าว พัฒนาการ เกษตร-นวมินทร์

ทั้งนี้ หากนับรวมตัวเลขสะสมของโครงการบ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่มีการเปิดตัวตั้งแต่ปี 2557-2560 พบว่ามีโครงการเปิดตัวใหม่สะสม 610 ยูนิต มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นทำเลรอบนอกเมือง 493 ยูนิต ส่วนทำเลกลางเมืองมี 117 ยูนิต ในปี 2558 เปิดตัว 65 ยูนิต, ปี 2559 เปิดตัว 49 ยูนิต ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 2560 ไม่มีโครงการเปิดใหม่ในทำเลกลางเมืองเลย

ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ พบว่า การ เปิดตัวโครงการใหม่ลดลง 46% เหลือเพียง 1,009 ยูนิต มูลค่า โครงการรวม 4,346 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 1,884 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,752 ล้านบาท  โดยเฉพาะในทำเลใจกลางเมืองหรือย่านซีบีดี โดยพบว่ามีโครงการเปิดใหม่เพียง 1 โครงการ คือ  โครงการ สวนบัว เรชสิเดนท์ ย่านซ.อารีย์ 1-ราชครู จำนวน 54 ยูนิต

สำหรับระดับราคาคอนโดฯในปัจจุบันเฉลี่ยที่ 292,800 บาท/ตร.ม. ตัวเลขดังกล่าวได้ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2559 จำนวน 24% จากราคาเฉลี่ย 235,429 บาท/ตร.ม. ส่งผลให้มูลค่าโครงการที่เปิดใหม่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น 16%.