ธนารักษ์จ้องซื้อที่ดินเอกชนหนุนสร้างมูลค่าเพิ่มที่ราชพัสดุ ระบุใช้เงินกองทุน พัฒนาอสังหาฯของรัฐที่มีกว่า 100 ล้านบาท เล็งซื้อที่ดินเอกชนใจกลางสนามกอล์ฟบางพระ เผย ธพส.เตรียมเปิดประมูลเช่าบริหารสนามกอล์ฟ บางพระ ใน 1-2 เดือน มูลค่า 1 พันล้าน ส่วน กม.ที่ราชพัสดุผ่าน สนช. หนุนโปรเจ็กต์เช่าที่ไม่ต้องร่วมทุน PPP

          นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีด้านที่ราชพัสดุ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างพิจารณาใช้เงินกองทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐ เพื่อเข้าไปซื้อที่ดินเอกชนที่อยู่ติดกับที่ราชพัสดุ ช่วยเพิ่มศักยภาพที่ราชพัสดุให้มีมูลค่ามากขึ้น อาทิ ที่ดินเอกชนราว 10 แปลง ที่ติดกับสนามกอล์ฟบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งหลายแปลงอยู่เกือบกลางสนามกอล์ฟ

          "หลังจากปีที่แล้ว กองทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐได้คืนเงินกองทุนเข้าคลังไป แต่ปัจจุบันยังมีเงินเหลืออยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งทางกรมกำลังพิจารณาเข้าไปซื้อที่ดินเอกชนเพื่อเพิ่มศักยภาพที่ราชพัสดุ" นางสาวอมรรัตน์กล่าว

          ทั้งนี้ กรณีสนามกอล์ฟบางพระนั้น ทางกรมธนารักษ์คาดว่าจะเปิดประมูลให้เอกชนที่สนใจเช่าที่ดินเพื่อพัฒนาในเชิงการท่องเที่ยวได้ในอีก 1-2 เดือนนี้ โดยมอบหมายให้ทางบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ดำเนินการ ซึ่งมีมูลค่าโครงการราว 1,000 ล้านบาท 
          "ตอนนี้สนามกอล์ฟบางพระอยู่ระหว่างทางอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญา หลังจากนั้นทาง ธพส.จะเปิดประมูล คาดว่าใน 1-2 เดือนนี้" นางสาวอมรรัตน์กล่าว

          รายงานจากกรมธนารักษ์เปิดเผยว่า ปัจจุบันเงินกองทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐเหลืออยู่กว่า 100 ล้านบาท จากเดิม ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเป็นทุนประเดิม 1,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งทางกรมธนารักษ์กำลังพิจารณานำไปใช้ซื้อที่ดินเอกชน 2-3 แห่ง เพื่อให้เกิดการเพิ่มศักยภาพให้กับที่ราชพัสดุ

          ทั้งนี้ กองทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐดังกล่าว ตั้งขึ้นเมื่อปี 2557 โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อจัดรูปที่ดินราชพัสดุของรัฐให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เช่น ที่ราชพัสดุที่เป็นที่ดินตาบอด หรือที่ราชพัสดุที่มีรูปทรงไม่สวย หรือซื้อที่ดินเพื่อขยายทางเข้าออกสำหรับที่ราชพัสดุ เป็นต้น

          นางสาวอมรรัตน์กล่าวอีกว่า ล่าสุดร่างพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุได้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเป็นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2518 ซึ่งทำให้กระบวนการทำงานมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

          แหล่งข่าวจากกรมธนารักษ์กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายที่ราชพัสดุ ประเด็นสำคัญอยู่ที่การปรับปรุงกระบวนการเกี่ยวกับการให้เช่าที่ราชพัสดุแก่เอกชน ที่ก่อนหน้านี้ต้องทำตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.PPPs) ส่งผลให้กระบวนการต่อสัญญากับเอกชนเดินหน้าได้อย่างล่าช้า ดังนั้นจึงกำหนดให้โครงการลงทุนของรัฐที่เป็นลักษณะการเช่าที่ราชพัสดุ ไม่ต้องเข้าตาม พ.ร.บ.PPPs

          ด้านนายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ. PPPs ที่ปรับปรุงใหม่ได้ผ่าน สนช.แล้วเช่นกัน ซึ่งจะเป็นมิติใหม่สำหรับการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนของประเทศไทย จะทำให้การจัดทำโครงการโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับหลักสากล ทั้งนี้ สคร.จะเร่งจัดทำกฎหมายลำดับรองต่อไปหลังจากนี้