กระทุ้งรัฐบาลใหม่ผ่อนเกณฑ์เอื้อคนอยากมีบ้าน

          อสังหาฯ-บริษัทวิจัยตลาดมั่นใจหลังเลือกตั้งเป็นปัจจัยบวก "ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต" ดันรัฐบาลใหม่ปลดล็อกมาตรการรัฐ "ชาญอิสสระ" เชื่อการเมืองนิ่งเอื้อตลาดบ้านฟันธงตลาดบนไม่กระทบ LTV

          นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ฐานะนายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทย  ระบุว่า พร็อพเพอร์ตีเป็นภาคส่วนที่เป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจ อยากให้รัฐบาลใหม่เห็นความสำคัญส่วนนี้ ออกนโยบายให้สอดคล้องกันระหว่างภาครัฐบาลกับแบงก์ชาติที่กำกับดูแลตลาดเงิน เพราะบ้านเปรียบเป็นปัจจัย 4 แก้ปัญหาหลายด้าน แม้ดีใจที่เห็นทุกพรรค การเมืองมีนโยบายอยากให้ทุกคนมีบ้าน แต่ยังกังวลว่ากฎเกณฑ์ต่างๆ อาจทำให้มีได้ยากขึ้น อยากให้ทบทวนฉุกคิด

          นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น รวมถึงมาตรการควบคุมสินเชื่อ(LTV) ใหม่จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะประกาศใช้ในเดือนเมษายนปีนี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะระดับกลาง-ล่างเท่านั้น ขณะที่ระดับบน ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และที่ผ่านมามีการเรียกเก็บเงินดาวน์สูงถึง 25-30% ในโครงการอยู่เดิมแล้ว ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ใหม่ที่ ธปท.กำหนด

          ขณะเดียวกันลูกค้าส่วนใหญ่ในกลุ่มซูเปอร์ลักชัวรี ประมาณ 60-70% เป็นการซื้อบ้านด้วยเงินสดมากกว่าการขอสินเชื่อ แม้แต่ทำเลในต่างจังหวัดก็เช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่าตลาดระดับบนยังมีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะในทำเลใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ หลังพบปัจจุบันยังมีซัพพลายที่น้อยมาก ไม่เกิน 10 โครงการเท่านั้น จึงเป็นโอกาสในการทำตลาด โดยเฉพาะทำเลย่านรัชดาฯพระราม 9 ซึ่งขณะนี้ถูกมองว่าเป็น "New Hot Spot" หรือย่านธุรกิจแห่งใหม่ มีสาธารณูปโภคครบ ทั้งทางด่วน มอเตอร์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) จึงเปิดตัวโครงการใหม่ บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี "อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม9" มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท ราคาตั้งแต่ 100-170 ล้านบาท

          "แม้ตลาดภาพรวมมีปัจจัยต่างๆกดดัน แต่ยังมีปัจจัยบวกจากเรื่องการเมือง หลังจากเริ่มมีทิศทางที่นิ่งขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้านี้ และคาดจะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ซึ่งย่อมส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน"

          ด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาและตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่ามีความแกว่ง แต่สำหรับตลาดอสังหาฯ เรื่องของการเมือง ยังถือเป็นปัจจัยที่มีผลบวกต่อตลาด จากทิศทางที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริง เนื่องจากตลาดอสังหาฯ จะผูกติดกับความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจมากกว่าตัวบุคคล ขณะเดียวกัน พื้นฐานของตลาดยังอยู่ในจุดที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะความต้องการของคนซื้อบ้านยังอยู่ในระดับที่สูง ฉะนั้นเหตุการณ์ใดๆทางการเมืองจะกระทบเพียงความรู้สึกของคนในระยะสั้นๆ เท่านั้นยิ่งหากสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ โดยไม่มีความรุนแรงตามมา และนโยบายต่างๆ มีความมั่นคงสานต่อได้ ยิ่งเป็นผลดีต่อตลาด

          "การเมืองจะมีผลกระทบหรือไม่ ใครจะเป็นรัฐบาลแทบไม่เป็นผลต่อตลาดเพราะตลาดเคยผ่านจุดที่เลวร้ายมาหลายเหตุการณ์ เป็นผลเพียงระยะสั้น ตัวที่กระทบจริงๆ คือความไม่เชื่อมั่นจากความไม่มั่นคงของนโยบายต่างๆเช่น นโยบายอีอีซี, ผังเมือง หรือเกิดความสะดุดในระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่ได้เดินหน้าไปแล้วมากกว่า"