แนวรถไฟฟ้าเขียว-น้ำเงินทำเลยอดฮิตต่างชาติ
Loading

แนวรถไฟฟ้าเขียว-น้ำเงินทำเลยอดฮิตต่างชาติ

วันที่ : 17 มีนาคม 2562
บิ๊กอสังหาลุยต่อเนื่อง แนวรถไฟฟ้า 2 สาย น้ำเงิน-เขียวชู "ห้วยขวางรัชดาฯ" เบอร์ 1 กำลังซื้อสูง ทั้งไทย-ต่างชาติ ทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีเขียวยังเป็นที่นิยมของลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ เลือกซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน
          ทำเลสายสีเขียวและสายสีน้ำเงินเปรียบเป็นกระดูกสันหลังของกทม. แต่ละสถานีมีดีมานด์ เจาะลูกค้าได้ชัดกว่าสายที่กำลังจะสร้าง

          บิ๊กอสังหาลุยต่อเนื่อง แนวรถไฟฟ้า 2 สาย น้ำเงิน-เขียวชู "ห้วยขวางรัชดาฯ" เบอร์ 1 กำลังซื้อสูง ทั้งไทย-ต่างชาติ ทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีเขียวยังเป็นที่นิยมของลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ เลือกซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน

          นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า      บริษัทยังเน้นในทำเลศักยภาพ แนวรถไฟฟ้าสายหลัก สีเขียวและสีน้ำเงินเป็นหลัก เนื่องจากเป็นแหล่งที่อยู่ขนาดใหญ่ ทั้งติดถนนและในซอย มีดีมานด์ของคนเมืองมหาศาล มีคนใช้บริการรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย รวมกว่า 2.5 ล้านคน ซึ่งมีตัวเลขย้อนหลังในการดูดซับดีมาก แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีซัพพลายในระดับราคาที่จับต้องมาตอบโจทย์ได้ครบถ้วน เพราะลูกค้ากลุ่มใหญ่คือวัยทำงาน 2 คนช่วยกันกู้ โดยจุดแข็งของบริษัท ไม่เน้นแข่งขันทำเลติดถนนกับรายใหญ่ ที่มีราคาแพงแต่ฝืนธรรมชาติ แต่โครงการที่อยู่ในซอย โดยมีขนาดและการออกแบบที่มีคุณภาพก็ใช้เป็นจุดแข็งได้

          "ทำเลสายสีเขียวและสายสีน้ำเงิน เปรียบเป็นกระดูกสันหลังของกทม. แต่ละสถานีมีดีมานด์ เจาะลูกค้าได้ชัดกว่าสายที่กำลังจะสร้าง โปรดักต์กลุ่มใหญ่ที่ขาด คือ 3-5 ล้าน โดยเฉพาะย่านรัชดาฯ-ห้วยขวาง พบถูกลูกค้าต่างชาติค้นหาเป็นอันดับ1 แต่ในภาพรวมมีความต้องการสูงทั้งคนไทยและคนต่างชาติ"

          นายธนากร ยังกล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทยังมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ในการช่วยสร้างรายได้และเสริมการเติบโตระยะยาวด้วย คือ ธุรกิจนายหน้าและตัวแทนขายอสังหาฯสำหรับตลาดต่างประเทศ ผ่านบริษัทลูก บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด และธุรกิจลงทุนซื้ออสังหาฯที่สร้างเสร็จแล้วจากรายย่อยพัฒนาขายต่อทำกำไร ผ่าน บริษัท ไรส์ เวนเจอร์ จำกัด รวมถึงการจัดตั้งบริษัท นิติบุคคล ออลล์ พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัด ด้วย ซึ่งทั้ง 3 ส่วน มีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง และช่วยเสริมศักยภาพให้ธุรกิจหลักมีกำไรเติบโต จาก 11 ล้านบาทเมื่อปี 2559 ขยับมาอยู่ที่ 343 ล้านบาทเมื่อปี 2561

          ซึ่งทั้งหมดถือเป็นกลยุทธ์สำคัญ ที่คาดว่าจะทำให้บริษัทก้าวขึ้นสู่ 1 ใน 10 บริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทยในช่วง 5-6 ปีข้างหน้า "อสังหาฯต้องแข่งขันกันตลอดเวลา โมเดลธุรกิจขณะนี้ คือ พยายามเข้าใจลูกค้าเชิงลึก โฟกัสลูกค้าอยู่จริง แม้ปีนี้น่าจะยาก แต่ต้องปรับไปตามสถานการณ์หลังบริษัทพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 150 ล้านหุ้น

          ด้านค่ายออริจิ้น มีโครงการคอนโดมิเนียมในทำเล รัชดาฯ เช่นเดียวกัน และ ขยายธุรกิจเสริมความแข็งแกร่ง ในรูปแบบหลากหลาย นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า จากผลประกอบการที่เติบโตในปี 2561 และปี 2562 บริษัทยังคงเดินหน้ารักษาเสถียรภาพการเติบโตของธุรกิจคอนโดมิเนียมไว้ในระดับเดิม ควบคู่กับการกระจายการเติบโตไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ทั้งธุรกิจโครงการแนวราบ ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ออฟฟิศ คอมมิวนิตีมอลล์ โครงการมิกซ์ยูส และธุรกิจบริการ ผ่านการโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ จะค่อยๆ มีบทบาทมากขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง-ยาว
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ