กลุ่มมิลเลนเนียลโต หนุนอสังหาคึก
Loading

กลุ่มมิลเลนเนียลโต หนุนอสังหาคึก

วันที่ : 20 มีนาคม 2562
กำลังซื้อของผู้ต้องการที่อยู่อาศัย ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต้องให้ความสำคัญ โดยปีนี้ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จับเทรนด์ไปที่ลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียลและตลาดอสังหาฯ ระดับลักซ์ชัวรี่ที่ยังเติบโตและเป็นตัวขับเคลื่อนแผนขยายธุรกิจของเมเจอร์ในปีนี้
          ปากกาด้ามเดียว

          กำลังซื้อของผู้ต้องการที่อยู่อาศัย ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต้องให้ความสำคัญ โดยปีนี้ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จับเทรนด์ไปที่ลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียลและตลาดอสังหาฯ ระดับลักซ์ชัวรี่ที่ยังเติบโตและเป็นตัวขับเคลื่อนแผนขยายธุรกิจของเมเจอร์ในปีนี้

          สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอป เมนท์ เปิดเผยว่า ในปี 2562 นี้ เมเจอร์ยังคงเน้นเจาะนิชมาร์เก็ตในกลุ่มลักซ์ ชัวรี่เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าว เนื่องจากมองว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ โครงการ มิวนีค หลังสวน จะเริ่มก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จเข้าอยู่ได้ในไตรมาสแรกปี 2565 ถือเป็นคอนโดมิเนียมหรูในทำเลซีบีดีที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้า โดยสามารถสร้างยอดจองซื้อได้กว่า 90% ถือว่าเกินเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 50%

          สำหรับความท้าทายของดีเวลอปเปอร์ในปี 2562 นั้น มองว่ามาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2562 จะไม่มีผล กระทบกับเมเจอร์เพราะโครงการบริษัทเป็นระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ที่มีเกณฑ์ในการกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำในการจองอยู่แล้ว และทุกโครงการมีจุดขายที่ชัดเจนตรงกลุ่มเป้าหมาย ในเรื่องของทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ในไพรม์แอเรีย รวมทั้งการออกแบบที่ถือเป็นจุดแข็งสำคัญของเมเจอร์

          ขณะที่เทรนด์การพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวสูงในกรุงเทพฯ และปริมณทลนั้น ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มมิลเลนเนียลที่กำลังขยายฐานกว้างขึ้นและมีกำลังซื้อ ในส่วนของ เทรนด์การออกแบบควรเน้นการออกแบบที่เข้าใจถึงการใช้งานจริง ทั้งในเรื่องของพื้นที่การใช้งาน และการออกแบบที่ บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยและสร้างประโยชน์ได้จริง

          นอกจากนี้ เมเจอร์ยังให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ทั้งการอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน รวมถึงการสร้างระบบฐานข้อมูลบิ๊กดาต้าเพื่อนำมาพัฒนาการทำงานของฝ่ายดูแลลูกค้าสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น

          "ขณะเดียวกัน ต้องไม่มองข้าม เทรนด์ของการใช้พลังงานทดแทน ที่เริ่มมองเห็นการจัดสรรพื้นที่จอดรถสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพร้อมจุดชาร์จในบางโครงการ เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับ ผู้บริโภคกลุ่มนี้" สุริยา กล่าว

          พร้อมกันนี้ ยังเห็นปัจจัยบวกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย จากกลุ่มทุนต่างประเทศที่มองว่าไทยยังคงเป็นทำเลทองของการลงทุน เนื่องจากต้นทุนที่ดินยังอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ อีกทั้งสถานการณ์สงครามเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐที่สร้างความกังวลต่อนักลงทุน ทำให้ประเทศไทยจึงเหมือนเป็นพื้นที่เซฟโซนในการลงทุนของกลุ่มทุนดังกล่าว

          สำหรับในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 5,679.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปี 2560 ซึ่งมีรายได้รวม 3,375.21 ล้านบาท จากการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการมาเอสโตร 03 รัชดา-พระรามเก้า มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี และมา เอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมทั้งมีการโอนกรรมสิทธิ์อย่าง ต่อเนื่องจากโครงการพร้อมอยู่หลายโครงการ เป็นต้น
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ