เมเจอร์ฯมุ่ง นิชมาร์เก็ต แข่ง ไลฟ์สไตล์ เจาะมิลเลนเนียลส์
Loading

เมเจอร์ฯมุ่ง นิชมาร์เก็ต แข่ง ไลฟ์สไตล์ เจาะมิลเลนเนียลส์

วันที่ : 9 เมษายน 2562
สถานการณ์ปี 2562 นับเป็นความท้าทายในการบริหารจัดการเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ ที่ต้องมองหา "โอกาส" บาลานซ์ความเสี่ยง!!โดยเฉพาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญปัจจัยหลากหลายเป็นตัวแปร!! ไม่ว่าจะมาตรการควบคุมดูแลจากภาครัฐ แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่กำลังซื้อมีโอกาสชะลอตัวจากความ ไม่แน่นอนทางการเมืองส่งผลกระทบต่อ ความเชื่อมั่นและความมั่นใจในการจับจ่าย รวมทั้ง ดีกรีการแข่งขันที่ไม่เคยลดความรุนแรงลง
          สรัญญา จันทร์สว่าง

          กรุงเทพธุรกิจ

          สถานการณ์ปี 2562 นับเป็นความท้าทายในการบริหารจัดการเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ ที่ต้องมองหา "โอกาส" บาลานซ์ความเสี่ยง!!โดยเฉพาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญปัจจัยหลากหลายเป็นตัวแปร!! ไม่ว่าจะมาตรการควบคุมดูแลจากภาครัฐ แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่กำลังซื้อมีโอกาสชะลอตัวจากความ ไม่แน่นอนทางการเมืองส่งผลกระทบต่อ ความเชื่อมั่นและความมั่นใจในการจับจ่าย รวมทั้ง ดีกรีการแข่งขันที่ไม่เคยลดความรุนแรงลง

          สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ธุรกิจอสังหาฯ ประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดลักชัวรี ยังคงสดใส จาก "ปัจจัยบวก" รับเลือกตั้ง การขยายฐานของกลุ่มมิลเลนเนียลส์ การพัฒนาเมกะโปรเจค ส่วนต่อขยายโครงข่ายคมนาคมที่มีการเดินหน้า และจับต้องได้!!

          ประการสำคัญ ความสนใจในการลงทุนของ "กลุ่มทุนต่างประเทศ" ยังมองว่าไทยยังเป็นทำเลทอง!! เพราะต้นทุนที่ดินยังอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ตลอดจนสถานการณ์สงครามเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐ ยังคงสร้างความกังวลต่อนักลงทุน

          ประเทศไทยจึงเหมือนเป็นพื้นที่เซฟโซน (Safe Zone) สำหรับการลงทุนของกลุ่มทุนต่างชาติ นั่นหมายถึง โอกาสทางธุรกิจ

          ทั้งนี้ การขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2562 ของ เมเจอร์ฯ ยังคงมุ่งเจาะ "นิชมาร์เก็ต" ในกลุ่มลักชัวรี ซึ่งยังคงอำนาจซื้อสูง!!  โดยไตรมาส 2 นี้ โครงการ มิวนีค หลังสวน (MUNIQ Langsuan)  คอนโดมิเนียมหรูไฮไรซ์แบบฟรีโฮลด์ มูลค่า 4,085 ล้านบาท จะเริ่มการก่อสร้าง  คาดว่าแล้วเสร็จ เข้าอยู่ได้ภายในไตรมาสแรก ปี 2565  เป็นคอนโดหรู ในทำเลซีบีดีที่มีการตอบรับดีมากจากกลุ่มลูกค้า  สามารถสร้างยอดจองซื้อได้กว่า 90% เกิน เป้าหมายซึ่งวางไว้ที่ 50% ณ วันพรีเซล

          "ดีเวลลอปเปอร์เผชิญความท้าทาย ไม่น้อยในปีนี้ ทั้งดอกเบี้ยขาขึ้น มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ประกาศใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย. 2562  แนวโน้มกำลังซื้อ การแข่งขัน ปัจจัยภายในและภายนอก ต้องปรับกลยุทธ์เตรียม ความพร้อมองค์กรใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี บิ๊กดาต้า เข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ"         อย่างไรก็ตาม มาตรการ กำกับดูแลสินเชื่อ "บ้านหลังที่สอง"ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาไม่มีผลกระทบกับเมเจอร์ฯ ซึ่งเน้นโปรเจค "ซูเปอร์ลักชัวรี" ที่มีเกณฑ์ในการกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำในการจองอยู่แล้ว และ ทุกโครงการมี "จุดขาย" ชัดเจนตรง กลุ่มเป้าหมาย ทั้งเรื่องของทำเล ที่ตั้งในไพร์มแอเรีย!!  การออกแบบที่เป็น "จุดแข็ง" สำคัญของเมเจอร์ฯ ในการสร้างพื้นที่ใช้สอยเหนือระดับสำหรับที่พักอาศัยระดับเดียวกัน

          "เทรนด์ดีไซน์เป็น องค์ประกอบสำคัญของการพัฒนาอสังหาฯ ที่ต้องออกแบบอย่างเข้าใจถึงการใช้งานจริงของพื้นที่การใช้งาน สร้างประโยชน์ได้จริง การออกแบบวันนี้ยังสามารถบ่งบอกไลฟ์ สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนการตัดสินใจซื้อ!!"

          สอดรับเทรนด์การพัฒนาอสังหาฯ แนวดิ่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สุริยา มองว่า ดีเวลลอปเปอร์ต้องมองกำลังซื้อสำคัญ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม "มิลเลนเนียลส์" ที่กำลังขยายฐานกว้างขึ้น!!  เป็นลูกค้าเป้าหมายหลักของเมเจอร์ฯ ซึ่งยังให้ความสำคัญกับ "นวัตกรรม" ที่จะเข้ามา มีบทบาทในแวดวงอสังหาฯ  เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกบ้าน ผ่านการใช้เทคโนโลยีนำสู่ การสร้างระบบฐานข้อมูล บิ๊กดาต้า (Big Data) ในการพัฒนาการทำงานของฝ่ายดูแลลูกค้าสัมพันธ์ สู่การสร้างความสัมพันธ์และเข้าถึงลูกค้ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  เห็นได้ชัดเจนจากเมกะเทรนด์ของการใช้พลังงานทดแทน ที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ เริ่มมีการจัดสรรพื้นที่จอดรถสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพร้อมจุดชาร์ตในบางโครงการ เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคกลุ่มนี้ นับเป็น อีกหนึ่งจุดสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง  การแข่งขันพัฒนาโครงการภายใต้โจทย์ ตั้ง "ไลฟ์สไตล์" และ "เมกะเทรนด์" ยังพ่วงไปด้วยโปรโมชั่น!! เป็นเครื่องมือกระตุ้นการจองและโอนกรรมสิทธิ์ ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจที่จะ เลือกจ่าย!! แบบตรงกับไลฟ์สไตล์ของตนมากขึ้น

          สำหรับผลประกอบการปี 2561  ปิดรายได้ที่ 5,679.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ามีรายได้ รวม 3,375.21 ล้านบาท ปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 733.14 ล้านบาท  มาจากการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ มาเอสโตร 03 รัชดา-พระรามเก้า  มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี และ มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

          ยังมีการโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องจากโครงการพร้อมอยู่ อาทิ  เอ็ม จตุจักร รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา เอ็ม สีลม และ แมเนอร์ สนามบินน้ำ มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน ในปี 2561 จำนวน 507.61 ล้านบาท จากปี 2560  มีส่วนแบ่งกำไรเพียง 35.72 ล้านบาท ส่วนแบ่ง กำไรนี้ มาจากการโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องในโครงการร่วมทุน มาร์คสุขุมวิท มูลค่าโครงการกว่า  7,000 ล้านบาท โดย ณ 31 ธ.ค.2561 มาร์ค สุขุมวิท มียอดขายรอการรับรู้รายได้(Backlog) คงเหลือ 971.38 ล้านบาท
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ