“PSH” แย้มไตรมาส 1/62 ยอดขาย-ยอดโอนเด้ง! รับแรงหนุนก่อนบังคับใช้ LTV ใหม่ พร้อมชี้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯใหม่ “ลดค่าธรรมเนียมโอน-ลดค่าธรรมเนียมจดจำนอง” จะกระตุ้นตลาดโดยรวม ฟากโบรกฯ แนะ "ทยอยซื้อ" ให้เป้า 19.50 บาท คาดไตรมาส 1/62 ฟาดกำไรสุทธิ 1,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38%

          นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/2562 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งยอดโอนกรรมสิทธิ์ และยอดขาย (Presale) เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากช่วงก่อนบังคับใช้มาตรการควบคุม

          สินเชื่อ (LTV) ใหม่ ในวันที่ 1 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทจะประกาศแจ้งงบไตรมาส 1/2562 เร็ว ๆ นี้

          ทั้งนี้ หากมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์เหลือ 0.01% จากเดิมที่ 2% และการลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองเหลือ 0.01% จากเดิมที่ 1% มีการประกาศใช้ จะส่งผลดีต่อตลาดอสังหริมทรัพย์โดยรวม ซึ่งจะช่วยส่งผลให้ลูกค้าในกลุ่มที่มีกำลังซื้อ เช่น กลุ่มพนักงานที่มีรายได้ประจำ ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการซื้อ สามารถใช้ระยะเวลาตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์สั้นลง เนื่องจากจะช่วยลดภาระของลูกค้าบางส่วน ส่งผลให้บรรยากาศในการซื้ออสังหาริมทรัพย์กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น

          อย่างไรก็ตาม ทั้งการลดค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ และการลดค่าธรรมเนียมการจดจำนอง จะส่งผลดีต่อสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) โครงการแนวราบที่สร้างเสร็จใกล้เสร็จ หรือสร้างเสร็จก่อนขาย และโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างใกล้เสร็จ ซึ่งจะเข้าข่ายใช้สิทธิ์การลดค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ และการลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีสต๊อกในมือรวมมูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบประมาณ 7,000 ล้านบาท และเป็นโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 6,000 ล้านบาท

          ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้ได้แนะนำ "ทยอยซื้อ" หุ้นบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PSH กำหนดราคาเป้าหมายที่ 19.50 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2562 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 1,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่เพิ่มขึ้น 22% ขณะที่กำไรขั้นต้น (Margin) ทรงตัว หนุนให้กำไรสุทธิดังกล่าวเติบโต โดยการทำการตลาดก่อนเริ่มใช้ LTV ใหม่ในเดือนเมษายนทำให้ยอดจองโครงการประเภททาวน์เฮาส์โดดเด่น ซึ่งโอนกรรมสิทธิ์มาจากสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) เป็นหลัก ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมที่ต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2561 ยังคงทำได้ดี