เอ็มดีใหม่JCKคาดปีนี้ กวาดยอดขายที่ดินพุ่ง เร่งพัฒนานิคมทีเอฟดี2
Loading

เอ็มดีใหม่JCKคาดปีนี้ กวาดยอดขายที่ดินพุ่ง เร่งพัฒนานิคมทีเอฟดี2

วันที่ : 30 เมษายน 2562
“อนุกูล” เอ็มดีใหม่ JCK ลั่นปีนี้ยอดขายที่ดินพุ่ง เร่งพัฒนานิคมฯ ทีเอฟดี 2 คาดแล้วเสร็จ Q3 รองรับลูกค้าจีนย้ายฐานผลิตมายังไทย รอลุ้นผลประมูลโครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุ จ.นครพนม มีพื้นที่รวม 1,363 ไร่
          “อนุกูล” เอ็มดีใหม่ JCK ลั่นปีนี้ยอดขายที่ดินพุ่ง เร่งพัฒนานิคมฯ ทีเอฟดี 2 คาดแล้วเสร็จ Q3 รองรับลูกค้าจีนย้ายฐานผลิตมายังไทย รอลุ้นผลประมูลโครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุ จ.นครพนม มีพื้นที่รวม 1,363 ไร่

          นายอนุกูล อุบลนุช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JCK เปิดเผยว่า ในปี 2562 ประเมินผลการดำเนินงานจะสามารถเติบโตดีกว่าปี 2561 ที่สามารถสร้างกำไรได้กว่า 100 ล้านบาท เพราะคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ทีเอฟดี 2 ได้ จากอานิสงส์จากวิกฤติสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกา ทำให้มีลูกค้ารายใหม่หลายรายจากประเทศจีน ตัดสินใจย้ายฐานการลงทุนมาประเทศไทย

          ทั้งนี้ บริษัทได้เร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของนิคมอุตสาหกรรม ทีเอฟดี 2 ให้แล้วเสร็จไม่เกินไตรมาส 3/2562 เพื่อรองรับการขายที่ดินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2562 รายได้จากการขายที่ดินจะเป็นรายได้หลักผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมมีอัตรากำไรค่อนข้างสูง

          โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่สนใจซื้อที่ดินโครงการของบริษัทอยู่หลายราย ทั้งผู้ประกอบการเดิม  และลูกค้ารายใหม่ เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) พื้นที่ดินเลียบขนานไปกับถนนมอเตอร์เวย์เกือบ 4 กิโลเมตร และติดถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา และตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด

          สำหรับการขยายการลงทุน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตนั้น  ล่าสุดบริษัทได้เข้าไปร่วมประมูลการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จ.นครพนม ซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุ มีพื้นที่รวมประมาณ 1,363 ไร่ 2 งาน 17.10 วา กับกรมธนารักษ์ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะชนะประมูลได้รับการคัดเลือกเป็นผู้พัฒนาโครงการ

          ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้าในประเทศอังกฤษ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขาย Warehouse ที่เหลืออยู่อีก 1 แห่ง ซึ่งตั้งเป้าจะโอนกรรมสิทธิ์ภายในไตรมาส 2/2562 มูลค่าขายประมาณ 750 ล้านบาท หรือ 18 ล้านปอนด์ โดยจะสร้างกำไรมากพอสมควร

          ส่วนธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าในไทยมีแนวโน้มที่ดี คาดว่าในปี 2562 น่าจะให้เช่าพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30,000 ตารางเมตร (ตรม.) เมื่อรวมกับพื้นที่เช่าเดิมอีกประมาณ 32,000 ตารางเมตร ส่งผลให้มียอดพื้นที่เช่ารวมเป็น 62,000 ตารางเมตร

          ด้านธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัทได้เข้าร่วมลงทุนในโครงการ The Artisan กับพันธมิตรด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากประเทศจีน มูลค่าโครงการรวม 6,800 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดจองแล้วเกินกว่า 60% การก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้ว 95% คาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนดังกล่าวในช่วงต้นปี 2563 เป็นต้นไป
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ