บิ๊กอสังหาฯทายาทเจ้าสัวเปิดฉากมิกซ์ยูส 3 หมื่นล้านทำเลสุขุมวิทรถไฟฟ้า สร้างแบรนด์ "วิสซ์ดอม คลับ" ชูจุดขาย "อินสไปเรชั่นฮับ" พื้นที่ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง ต่อยอดโปรเจ็กต์ 101 True Digital Park เจาะกลุ่มสถาบันการศึกษา 40 แห่งในรัศมี 5 กม. ขอเป็นนิวโมเดลอสังหาฯแนวใหม่รับโลกอนาคตน.

          เป็นกระแสอีกครั้งกับโครงการมิกซ์ยูสมูลค่า 30,000  ล้านบาท "Whizdom 101" ของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้กลุ่มบริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) โดยนางทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ทายาทเจ้าสัวเครือเจริญโภคภัณฑ์ ด้วยการเปิดตัว "Whizdom Club" หนึ่งในจุดขายและจุดแข็งของโครงการขนาดใหญ่ ทำเลสุขุมวิท 101 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าปุณณวิถี

          เจาะฐานลูกค้า 4 หมื่นคน

          นายอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ-วิสซ์ดอม MQDC เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า โมเดล Whizdom Club เป็นความตั้งใจของเจ้าของโครงการที่ต้องการสร้างพื้นที่ service space สำหรับสมาชิก Whizdom และคนรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนาทักษะและใช้ประโยชน์ร่วมกัน ภายใต้สังคมคนดีคนเก่งที่น่าอยู่และปลอดภัย

          ที่นี่จึงเป็นมากกว่า CRM (customer relationship management) การบริหารความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและองค์กร เป็นมากกว่า CSR (corporate social responsibility) ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัยทั่วไป เป็นโมเดลใหม่ของแนวคิดมิกซ์ยูสที่ไม่มุ่งหวังกำไรซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ๆ จะมาในแนวทางนี้มากขึ้นตามเทรนด์โลก

          Whizdom Club ตั้งอยู่บนชั้น 4 ที่ 101 True Digital Park ใช้งบฯพัฒนา 40 ล้านบาทกับพื้นที่ 900 ตารางเมตร เปิดให้ใช้ฟรีตั้งแต่วันนี้-ธ.ค. 2562 ระยะแรกเปิดให้บริการถึง 22.00 น. ต่อไปจะเปิด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดกิจกรรมและแชร์ให้คนที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ อาทิ คอร์สเสริมสร้างวิชาชีพ เพื่อให้มี certificate ประกอบอาชีพ เป็นต้น

          "จากดาต้าเบสในรัศมีพื้นที่ 5 กิโลเมตร กลุ่มเป้าหมายเราคือ 40 สถาบันการศึกษา ที่ครอบคลุมนักเรียนนักศึกษากว่า 40,000 คน อายุ 21-25 ปี รวมถึงลูกบ้านแบรนด์ Whizdom อีก 4-5 พันราย จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่เป็นฐานสมาชิกโดยอัตโนมัติ เพราะบริษัทมีคอนโดฯอยู่รายรอบ 6 โครงการ"

          โดยอาคารชุดใน Whizdom 101 มี 3 โครงการ ใกล้จะแล้วเสร็จหมด ราคาต่อตารางเมตรแสนกว่าบาท รวม 2 พันยูนิต ซึ่งมีลูกค้าจองซื้อเกือบหมดแล้ว

          "Whizdom Club ไม่ได้เป็นการทำการตลาดฮาร์ดเซล หรือแข่งขันกับ coworking space อื่น แต่ตั้งใจให้มีพื้นที่อิสระ เพื่อคนรุ่นใหม่จริง ๆ"

          รายได้มาจาก 3 ส่วนคือ 1.การเก็บค่าเข้าใช้บริการ (ที่จำเป็น) 2.จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 3.เช่าพื้นที่ห้องประชุม ซึ่งการออกแบบและเลือกใช้อุปกรณ์นั้น บริษัทคิดละเอียดและทุ่มทุน เช่น เลือกใช้เก้าอี้อย่างดีที่นั่งสบาย เลือกจุดที่ตั้งเครื่องปรับอากาศไม่ให้ตรงกับศีรษะของนักเรียน เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ปลั๊กลอยจากเพดาน เป็นต้น

          สร้างแบรนด์-ต่อยอด

          นายกฤษฐ์สยุทธ ชววิทยาธรรม ผู้อำนวยการวิสซ์ดอม โซไซตี้ เสริมว่า Whizdom Club เป็นมัลติฟังก์ชั่นสเปซ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Whizdom Society ที่ไม่ใช่แค่ coworking space แต่เป็นพื้นที่สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

          แบ่งสัดส่วนพื้นที่ให้เหมาะกับทุกกิจกรรม มีพนักงานให้คำแนะนำ และการจำหน่ายสินค้าในเครือ MQDC ทั้งบ้าน คอนโดฯ ห้าง และมี branded merchandising แบรนด์ Whizdom ให้เลือกซื้อทั้งเสื้อยืด เสื้อแจ็กเกต แก้วน้ำ ปากกา ผ้าพันคอ เป็นการสร้างแบรนด์ต่อยอดครบวงจรรับอนาคต

          "ทั้ง 3 โซนคือ Workspace Station 255 ตารางเมตร เพื่อกิจกรรมการทำงาน ประชุมจัดโต๊ะเก้าอี้ได้ตามรูปแบบ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ลูกค้าจัดกลุ่มประชุมกลุ่มเล็กหรือโซนโฟกัสแอเรีย สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว"

          โซน Whiz Ground รองรับกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง "Whiz Talk" โดยคนดัง ๆ ที่ประสบความสำเร็จจะมาให้ความรู้เรื่องธุรกิจ เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ ๆ งาน DIY และความบันเทิงตลอดทั้งปี ทั้งเป็นพื้นที่จัดงานเปิดตัวสินค้า Meet and Greet รองรับผู้ใช้ได้ 100-150 ที่นั่ง

          โซน Whiz Studio พื้นที่จุดประกายสร้างไอเดียหรือเริ่มต้นธุรกิจตัวเอง ได้แก่ wheeled flip chart & stationery box, personal movable locker, dedicated WiFi connection, 3D printers ฯลฯ

          โซน Exhibition Room พื้นที่จัดเป็นฟังก์ชั่นแสดงงานนิทรรศการ ทั้งนวัตกรรม เทคโนโลยี เรื่องราวที่ส่งเสริมการเรียนรู้ใหม่ ๆ หมุนเวียนกันไป

          "ทั้งหมดคือจิ๊กซอว์ของมิกซ์ยูส ภายใต้นิวโมเดลที่เราคิดขึ้น เพื่อให้เกิดสังคมคุณภาพของคนอยู่อาศัยและผู้มาใช้บริการ ในพื้นที่รวมทั้งหมด 43 ไร่"

          อนึ่ง นายกฤษฐ์สยุทธ ชววิทยาธรรม เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ กลุ่มทรู ส่วนนายอัษฎา แก้วเขียว เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์