“ออลล์ อินสไปร์ฯ” แตกไลน์ธุรกิจใหม่ ทุ่มงบกว่า 600 ล้านบาท ลงทุนธุรกิจ Shopping Mall ใจกลางเมืองชลบุรี อายุสัญญาเช่า 29 ปี เตรียมปรับปรุง-ก่อสร้าง ก.ค.นี้ คาดเปิดให้บริการกลางปี 63 พร้อมตั้งเป้าโกยรายได้ 200 ล้านบาท/ปี

          นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2562 มีมติให้จัดตั้งบริษัท ออลล์ รีเทล 1 จำกัด เป็นบริษัทย่อย โดยมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอาคารศูนย์การค้า เดอะ นิว ฟอรั่มพลาซ่า พร้อมก่อสร้าง ดัดแปลง อาคารศูนย์การค้า จังหวัดชลบุรี มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 585.8 ล้านบาท

          สำหรับมูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมด แบ่งเป็น 1.มูลค่าสิทธิการเช่าช่วงอาคารศูนย์การค้า ชำระภายในระยะเวลา 10 เดือน รวม 150 ล้านบาท 2.มูลค่าเช่าช่วงอาคารศูนย์การค้าเดือนละ 100,000 บาท ชำระตลอดระยะเวลาเช่าช่วงรวมประมาณ 35.8 ล้านบาท 3.มูลค่าการเช่าช่วงอาคารพาณิชย์ บริเวณหน้าอาคารศูนย์การค้า ชำระภายในระยะเวลา 6 เดือน รวมมูลค่า 30 ล้านบาท และ 4.มูลค่าเงินลงทุนดัดแปลงและก่อสร้างอาคารศูนย์การค้า ชำระภายในระยะเวลา 10 เดือน ประมาณ 370 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

          อาคารศูนย์การค้า เดอะ นิว ฟอรั่มพลาซ่า เป็นอาคารสูง 5 ชั้น บนพื้นที่ 11 ไร่ 3 งาน 74 ตารางวา ขนาดพื้นที่ใช้สอย (Gross Floor Area) ประมาณ 34,952 ตารางเมตร และมีขนาดพื้นที่ให้เช่า (Leasable Area) ประมาณ 11,593 ตารางเมตร ระยะเวลาสิทธิการเช่าช่วงประมาณ 29 ปี โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม 2562 และคาดจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563

          “การแตกไลน์ธุรกิจไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภท Shopping Mall ในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มช่องทางการสร้างอัตราการเติบโตทางธุรกิจให้ครบวงจรในระยะยาว อีกทั้ง ยังเป็นการกระจายรายได้ เพื่อลดความเสี่ยงการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว และยังเป็นการสร้างรายได้ที่แน่นอนให้บริษัทมีความมั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในอนาคต โดยบริษัทจะดึงผู้บริหารระดับมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญในการสร้างการเติบโตของรายได้ให้มีความมั่นคง จากการรับรู้รายได้จากค่าเช่าและการให้บริการของศูนย์การค้า” นายธนากร กล่าว

          ด้านความโดดเด่นของโครงการดังกล่าว จัดเป็นจุดไฮไลต์ของเมืองชลบุรี เพราะอยู่ใจกลางเมืองชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งในอนาคตจะมีทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินอู่ตะเภา และสนามบินดอนเมือง

          นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ จากแหล่งอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ที่เชื่อมสู่ท่าเรือแหลมฉบัง มาบตาพุด และสัตหีบ สำหรับการขนส่งสินค้าระบบรางที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ โดยรถไฟทางคู่เข้าเชื่อมโยง และมีระบบบริการการขนส่งสินค้าแบบไร้รอยต่อ (Seamless Operation) และการขยายถนนทางหลวง และมอเตอร์เวย์ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจในอนาคตมากขึ้น

          นายธนากร กล่าวอีกว่า บริษัทคาดจะมีรายได้จากธุรกิจ Shopping Mall หลังจากเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 ที่กว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน และหลังจากเปิดบริการเต็มปีในปี 2564 จะมีรายได้เฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมาจากรายได้ค่าเช่า 90% และอื่น ๆ อีก 10% ขณะเดียวกันบริษัทยังคาดหวังจะเป็น Top of Mind ของลูกค้าในพื้นที่ใจกลางเมืองชลบุรี พื้นที่ใกล้เคียง และในเขตระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

          ดังนั้น บริษัทจึงมีความมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้ใน 3 ปีจากนี้ (ปี 2562-2564) เติบโตอีกเท่าตัว จากปี 2562 ที่ตั้งเป้าหมายจะมีรายได้ที่ระดับ 4,500 ล้านบาท จากการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรมากขึ้น ทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยที่ทยอยเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีศูนย์การค้า ค้าปลีกเพิ่มเข้ามา และจากกลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุกดังกล่าว จะส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทแตะระดับ 10,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ จาก ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2562 มีมาร์เก็ตแคป 2,329.60 ล้านบาท