จีน หนุนอสังหาฯไทย สกัดโอเวอร์ซัพพลาย
Loading

จีน หนุนอสังหาฯไทย สกัดโอเวอร์ซัพพลาย

วันที่ : 27 มิถุนายน 2562
แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัว 3-5% เกิดจากกำลังซื้อลดลง รายได้ไม่เพิ่มขึ้น ปัญหาหนี้สินครัวเรือนพอกพูน ขณะราคาที่อยู่อาศัยแพงจากตลาดโลคัลไปสู่อินเตอร์มากขึ้น ทำให้ลูกค้าระดับล่าง-ระดับกลางล่างเอื้อมไม่ถึง แต่ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลับพบว่า ลูกค้าจากจีนเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมมากขึ้น ทดแทนตลาดคนไทยที่หายไป ยังไม่นับตลาดซีเนียร์ และตลาดรีไทร์ของชาวต่างชาติที่เข้ามารุกตลาดในประเทศไทยเพื่ออยู่อาศัยเป็นบ้านหลังที่ 2
          แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัว 3-5% เกิดจากกำลังซื้อลดลง รายได้ไม่เพิ่มขึ้น ปัญหาหนี้สินครัวเรือนพอกพูน ขณะราคาที่อยู่อาศัยแพงจากตลาดโลคัลไปสู่อินเตอร์มากขึ้น ทำให้ลูกค้าระดับล่าง-ระดับกลางล่างเอื้อมไม่ถึง แต่ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลับพบว่า ลูกค้าจากจีนเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมมากขึ้น ทดแทนตลาดคนไทยที่หายไป ยังไม่นับตลาดซีเนียร์ และตลาดรีไทร์ของชาวต่างชาติที่เข้ามารุกตลาดในประเทศไทยเพื่ออยู่อาศัยเป็นบ้านหลังที่ 2

          ทั้งนี้ นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ได้จัดสัมมนาฉายภาพรวมของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย ตลาดหุ้น อสังหาริมทรัพย์ว่าสถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร จะลงทุนอย่างไรต่อไป

          สำหรับ ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนขึ้นในปัจจุบัน คือ ตลาดจากฮ่องกง ที่หลายคนเริ่มมองหาที่อยู่อาศัย บ้านหลังที่ 2 ไว้มากขึ้นซึ่งตลาดฮ่องกงถือว่ามีกำลังซื้อสูงไม่น้อยไปกว่าอีกหลายประเทศ ตลาดบ้านเดี่ยวจะได้รับความสนใจจากฮ่องกงอย่างมาก แน่นอนว่าตลาดโลคัลจะเปลี่ยนไปขายตลาดนานาชาติมากขึ้น รูปแบบที่อยู่อาศัยหรือโปรดักต์จะเปลี่ยนไปด้วย อีกทั้งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯขายทั่วประเทศปีละราว 6 แสนล้านบาท (กทม.-ปริมณฑล 3 แสนล้านบาท และต่างจังหวัด 3 แสนล้านบาท) ล่าสุดพบว่ามีร่วมทุนกับต่างประเทศไปแล้วราว 3 แสนล้านบาท

          "ตลาดซื้อของชาวต่างชาติในประเทศไทย มีฮ่องกงติดโผด้วยเสมอ ราคาของไทยราว 3-5 แสนบาทจะอยู่ในระดับครึ่งราคาในฮ่องกง จึงพบว่าจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เข้ามารุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยมากขึ้น เข้าใจกับคำว่าบ้านหลังที่ 2 และยังเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในอาเซียนที่พบว่าที่อยู่และสำนักงานของบริษัทต่างประเทศเหล่านี้จะอยู่ในไทยมากกว่า ไทยจึงเป็นศูนย์กลางการลงทุนของอาเซียน อีกทั้งในอนาคตจีนและกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คงจะต้องค้าขายร่วมกัน จะต้องพึ่งพาการค้าร่วมกันมากขึ้น นั่นคือล้วนชูไทยเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคนี้ได้อีกด้วยนั่นเอง"

          ดังนั้นสถานการณ์ในวันนี้จึงจะพึ่งตลาดโลคัลอย่างเดียวคงไม่ได้แล้ว ช่วง 2-3 ปี มีจีนเข้ามาหนุนตลาดจึงไม่โอเวอร์ซัพพลายตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ