“ออลล์ อินสไปร์ฯ” กางแผนครึ่งปีหลังเล็งผุดคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 12,450 ล้านบาท มั่นใจยอดขายปีนี้ตามนัด 7,000 ล้านบาท เชื่อความต้องการมีต่อเนื่อง พร้อมตุนแบ็กล็อกเต็มมือกว่า 7,211 ล้านบาท

          นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 12,500 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทสามารถเปิดขายโครงการได้ตามแผนที่ตั้งไว้ จะทำให้บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ครบ 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 18,250 ล้านบาท ตามแผนที่บริษัทประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

          สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดขายในช่วงครึ่งปีหลัง จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมประเภทโลว์ไรส์ (Low Rise) ตึกสูงไม่เกิน 8 ชั้น จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ ในทำเล 20 มิถุนา แยก 5 และในทำเลลาซาล 83 ส่วนอีก 2 โครงการ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมประเภทไฮไรส์ (High rise) ได้แก่ ในทำเลทองหล่อทั้ง 2 โครงการ

          ทั้งนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานในแต่ละไตรมาสของบริษัท ทั้งยอดขาย (Presale) ยอดโอนกรรมสิทธิ์ และกำไรสุทธิจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากไตรมาสก่อน และจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็มีโครงการเสร็จใหม่และเริ่มทยอยส่งมอบเพิ่มขึ้น รองรับความต้องการทั้งลูกค้าที่ต้องการได้ห้องพร้อมเข้าอยู่ และลูกค้าที่ต้องการระยะเวลาในการผ่อนดาวน์

          ส่วนเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปี 2562 บริษัทตั้งไว้ที่ 7,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2562 บริษัทมียอดขายแล้ว 1,533 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 22% ของยอดขายเป้าหมายทั้งปี ขณะที่ยอดขายในช่วงไตรมาส 2/2562 เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทประเมินไว้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างสรุปข้อมูล รวมถึงในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการเพิ่ม จะส่งผลให้ทั้งปี 2562 ยอดขายจะเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้

          นายธนากร กล่าวอีกว่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือประมาณ 7,211 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ต่อเนื่องไปถึงปี 2566 นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินค้าคงเหลือ (Inventory) ในมือ มูลค่ารวมประมาณ 12,040 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ มูลค่ารวมประมาณ 340 ล้านบาท, โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและก่อสร้าง มูลค่ารวมประมาณ 2,500 ล้านบาท และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและรอการพัฒนา มูลค่ารวมประมาณ 9,200 ล้านบาท

          สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี 2562 ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่คึกคักเหมือนที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยบวกจากโอกาสในการตั้งรัฐบาลใหม่ ส่งผลต่อความเชื่อมั่น นโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และการสานต่อโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลใหม่

          ขณะที่ปัจจัยลบยังมีมาตรการควบคุมสินเชื่อ (LTV) ใหม่ที่ยังคงส่งผลกระทบอยู่บ้าง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของไทยยังคงชะลอตัว ซึ่งปัจจัยลบดังกล่าวยังคงกดดันภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะต้องเน้น (Focus) ลูกค้ากลุ่มที่อยู่จริง (Real Demand) ผลิตสินค้าที่ตรงความต้องการ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง